blog-hdr.gif

Integrity Legal

Posts Tagged ‘สถานทูตอเมริกา’

28th March 2011

หลายๆเดือนนี้มีแนวโน้มที่รัฐบาลจะปิดดูเหมือนจะเป็นการยิ่งทำให้นัการเมืองต่างๆในสหรัฐอเมริกาแบ่งพรรคแบ่งพวกกันมากขึ้น ในข.ระเดียวกัน ข้อถกเถียงในเรื่องการปิด(แม้แต่การขยายเวลาการทำงานในระหว่างการปิด) ในเวลาเดียวกัน หลายๆฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์การปิด  โดยไม่คำนึงถึงความเห็นของฝ่ายหนึ่ง ดูเหมือนการปิดนั้นจะเป็นไปได้และในกรณีที่มีการปิด กระบวนการทั้งหลายที่เกี่ยวกับการเข้าเมืองอาจจะมีการศึกษาถึงผลกระทบว่าการปิดอาจจะมีผลต่อกระบวนการเข้าเมือง

อ้างข้อความข้างล่างโดยตรงจากบทความในเว็บไซต์ CaldwellTeaParty.org:

เดือนต่อมาจะมีการเจรจาอย่างเข้มข้นเกี่ยวกับเพดานหนี้และ GOP จะมีการตัดสินใจว่าจะปิด หรือมีการรวมพรรค งบประมาณซึ่งมีการจัดการกับเคนท์ คอนราดและพันธมิตร

ข้อความที่อ้างข้างต้นอาจจะเป็นที่ชัดเจนและกระชับในการที่จะสรุปถึงกรณีที่เกี่ยวข้องกับความเป็นไปได้ในการปิด หน่วยงานทาปกครองแนะนำให้ผู้อ่านคลิกที่ลิงค์ซึ่งเป็นประเด็นที่ค่อนข้างซับซ้อน ผู้ที่สนใจในการยืนยันการปิดอาจจะเป็นเรื่องที่หาได้จากโดยหน่วยทางปกครองอ้างโดยตรงจากวิกกิพี่เดีย

การปิดของรัฐบาลเกิดขึ้นเมื่อรัฐบาลไม่ได้จัดการกับสิ่งที่สำคัญ  โดยทั่วไปแล้ว การบริการซึ่งจะคงดำเนินต่อไปโดยไม่คำนึงถึงการปิดของรัฐบาล เช่น ตำรวจ การดับเพลิง การทหาร สาธารณูปโภค การจัดการทางอากาศ และการควบคุมประพฤติ

การปิดสามารถที่จะเกิดเมื่อครบองค์ประกอบทางกฎหมาย (เช่นมีอำนาจในการออกร่างกฎหมายของการวีโต้โดยสมาชิกระดับสูง) มาสามารถอนุมัติงบประมาณในการจัดสรรเงินของแผนงานรัฐบาลในระหว่างปีงบประมาณ การขาดแคลนกองทุน รัฐบาลทำงานไม่ต่อเนื่องในการจัดสรรบริการที่สำคัญที่จะกระทบต่อการเริ่มต้นปีงบประมาณ ลูกจ้างของรัฐผู้ที่มห้บริการสาธารณะ มักจะอ้างถึง “ความสำคัญของลูกจ้าง เพื่อใหห้ภารกิจต่างๆบรรลุเป้าหมาย”

แม้ว่าการอ้างข้างต้นจะช่วยจัดการกับประเด็นที่เกิดขึ้นโดยการปิดของรัฐบาล คำถามนี้มีแนวโน้มว่า ผู้ที่ชาวต่างชาติอยู่ในระหว่างขั้นตอนกระบวนการเข้าเมือง การปิดของรัฐบาลจะกระทบอย่างไรกับวีซ่าของคู่หมั้น คำตอบก็คือ การปิดของรัฐบาลกลางจะส่งผลให้ขั้นตอนต่างๆในกระบวนการเข้าเมืองของรัฐบาลกลางชะงักลง  ดังนั้น การปิดของรัฐบาลกลางอาจจะส่งผลเล็กน้อย ถ้าหากมี กรณีนี้คำนึงถึงการขอวีซ่าที่สถานทูตหรือสถานกงสุล ข้อมูลเพิ่มเติมอาจจะติดต่อโดยตรงจากบทความ Diplopundit

ในปี 1995 การยื่นคำขอวีซ่าทั้งหมดเป็นแบบยื่นด้วยตัวเอง ทุกวันนี้มีการยื่นคำขอวีซ่าจำนวนมากผ่านทางระบบออนไลน์ นั่นหมายความว่า การนัดวีซ่าจะต้องยกเลิกและมีการนัดหมายใหม่ถ้ามีการปิดลง ส่วนของกงสุลจะเปิดให้บริการเกี่ยวกับชีวิตและและความตาย นั่นหมายถึงคำขอในกรณีที่พาสปอร์ตสูญหาย การแจ้งการเกิดในต่างประเทศ การรับบุตรบุญธรรม การรับรองลายมือชื่อ และอื่นๆ จะต้องคอยจนกว่ารัฐบาลกลางเปิดอีกครั้งหนึ่ง

ผู้เขียนบทความนี้ขอแนะนำให้ผู้ที่สนใจที่ต้องการรายละเอียดเพิ่มมากขึ้นคลิกในลิงค์ข้างบนที่อ้างถึงซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้างต้นนี้

เป็นที่ปรากฏอย่างชัดเจนว่า การอนุมัติของการปิดลงของรัฐบาลจะเป็นเรื่องที่ยุ่งยากมากสำหรับผู้ที่อยู่ในกระบวนการการขอวีซ่า ในขณะเดียวกัน เป็นที่ปรากฏชัด แม้ว่า USCIS จะดำเนินการปฏิบัติการปกตินอกจากจะเป็นไปได้ในการปิดตัวลง อ้างโดยตรงจากเว็บไซต์ Martindale.com:

USCIS ประกาศว่า เพราะว่า เป็นบรการที่มีค่าธรรมเนียมม ควรจะยังคงเปิดในระหว่างที่รัฐบาลปิดทำการ การปฏิบัติการของศูนย์บริการสี่แห่งควรจะไม่ได้รับผลกระทบ สำนักงานของ USCIS ท้องถิ่นควรจะยังคงเปิดบริการอยู่

ผู้เขียนขอแนะนำอีกครั้งหนึ่งว่า ผู้ที่สนใจสามารถศึกษาได้เพิ่มเติมจากลิงค์ข้างบน

สิ่งที่พึงระลึกถึงคือ สิ่งที่อ้างถึงข้างต้นใช้คำว่า “ควรจะ” บทความนี้ชี้ให้เห็นว่า สิ่งที่ยากที่จะทำนายถึงผลกระทบของการปิดรัฐบาลที่จะมีผลกระทบต่อหน่วยบริการคนเข้าเมืองและพลเมืองสัญชาติอเมริกา (USCIS) เนื่องจาก หน่วยบริการมีความพยายามที่จะหาเงินทุนด้วยตนเองโดยผ่านทางค่าธรรมเนียมของการยื่นคำขอ อาจกล่าวได้ว่า ประเด็นทั้งหมดของการปิดตัวลงของรัฐบาลเป็นหลักฐานที่ชัดเจน แต่ไม่ควรจะหมายถึงว่า จะไม่เป็นเช่นนั้น ในความเป็นจริงแล้ว พลเมืองอเมริกันผู้ที่ประสงค์จะขอวีซ่ามีแนวโน้มที่เรื่องของพวกเขาจะช้าลงเนื่องจากการปิดของรัฐบาล (ควรจะที่จะเกิดขึ้นซึ่งยังคงที่จะสังเกตเห็นได้)

To view this posting in English please see: US Embassy.

หากต้องการที่จะทราบรายละเอียดเพิ่มเติม โปรดคลิกที่นี่ USCIS processing time.

more Comments: 04

11th May 2010

ในเคสที่วีซ่าถูกปฏิเสธ ก็อาจจะหาทางแก้โดยการยื่นขออภัยโทษได้หากว่าการปฏิเสธเกิดจากการมีเหตุที่ทำให้ไม่สามารถเข้าเมืองได้ การขออภัยโทษแบบนี้ เราเรียกว่า I-601 ครั้งหนึ่งหากว่าผู้ขอวีซ่ามีเชื้อ HIV ก็จะถูกปฏิเสธวีซ่าด้วยเหตุนี้เหตุเดียวหากว่าไม่มีเหตุอื่นที่พบอีก อย่างไรก็ตามเร็มๆนี้หน่วยงานคนเข้าเมืองสหรัฐได้เปลี่ยนกฏใหม่ ตามประกาศของ สมาคมนักกฎหมายคนเข้าเมืองอเมริกัน (AILA) :

“ การติดเชื้อ HIV ไม่ใช่เหตุที่ทำให้ไม่สามารถเข้าเมืองได้อีกต่อไป หากคุณติดเชื้อ HIV ก็ไม่จำเป็นต้องยื่นขออภัยโทษ I-601 เพราะเหตุที่คุณป่วยด้วยเชื้อ HIV อีกต่อไป จากข้อสังเกตุ ในแบบ I-601 มีการลบวิธีการดำเนินการและข้อความใดๆเกี่ยวกับการติดเชื้อ HIV ออกไปแล้ว”

นี่ไม่ใช้กฎข้อเดียวที่มีการเปลี่ยนแปลง เนื่องจากวิธีการยื่นขออภัยโทษเองก็เปลี่ยนแปลงไปด้วยเพื่อให้มีความแม่นยำในเรื่องของภูมิลำเนาที่ยื่นเช่นเดียวกับการปรับเปลี่ยนกฎเกณฑ์อื่นๆ

“นอกจากนี้ USCIS ได้ประกาศว่ามีการปรับเปลี่ยนวิธีการยื่น และที่อยู่ที่จะต้องยื่นแบบ I-601 การเปลี่ยนสถานที่ยื่นแบบเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะทำให้เกิดประโยชน์ของสำนักงาน USCIS ท้องถิ่นและ หน่วยรับเรื่องของ USCIS โดยรวมที่ยื่นแบบและจ่ายค่าธรรมเนียมให้อยู่ที่ หน่วยรับเรื่องหน่วยเดียวเพื่อให้ USCIS สามารถให้บริการประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพในเรื่องของแบบคำร้องและค่าธรรมเนียม ”

วิธีการใช้ศูนย์รับเรื่องนี้ใช้กับกรณียื่นวีซ่าถาวร เช่น IR1 และ CR1 ซึ่งเปิดโอกาศให้ USCIS เตรียมระบบการจัดการกับคำขอวีซ่าได้เนื่องจากมันถูกส่งไปที่สถานที่ๆเดียว อย่างไรก็ดี วีซ่า K1 และ K3 จะต้องยื่นแก่ ศูนย์ USCIS ที่มีเขตอำนาจเท่านั้น

ในกรณีที่ แบบ I-601 นั้นยื่นในต่างประเทศ คำร้องมักถูกยื่นผ่าน สถานทูตหรือกงสุลสหรัฐอเมริกาที่วีซ่าถูกปฏิเสธ ซึ่งนี่เปิดโอกาสให้เจ้าหน้าที่กงสุลทำความเห็นเกี่ยวกับคำร้องได้ ผู้ที่สนใจจะยื่นคำร้องขออภัยโทษโปรดจำไว้ว่าทนายความสหรัฐอเมริกาที่มีใบอนุญาติ หรือตัวแทนที่มีใบอนุญาติเท่านั้นที่สถานทูตสหรัฐและ USCIS ยอมให้เป็นตัวแทนของเจ้าของเรื่องในการติดต่อได้ นั่นหมายความว่า จะต้องเป็นทนายเท่านั้นจึงจะสามารถเรียกค่าธรรมเนียมเพื่อการยื่นคำร้องนี้ได้ และหน่วยงานที่เป็นตัวแทนที่ได้รับอนุญาติส่วนใหญ่ที่กระทำการแทนได้ก็มักเป็นหน่วยงานไม่หวังผลประโยชน์ที่เพียงเก็บค่าการเป็นตัวแทน ( ถ้าหากว่าจะมีการเรียกเก็บ ) เมื่อให้ความช่วยเหลือแก่ผู้อพยพ บุคคลที่ไม่มีใบอนุญาติให้เป็นตัวแทนลูกความในกระบวนการคนเข้าเมืองไม่สามารถเรียกค่าธรรมเนียมเพื่อเป็นตัวแทนได้ตามกฎหมายสหรัฐอเมริกา สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม คลิกที่นี่

more Comments: 04

23rd April 2010

For information in English please see: I-212.

สำหรับผู้ที่เข้าประเทศสหรัฐอเมริกา ด้วยวีซ่าชั่วคราว มักจะต้องมีเจตนาไม่ต้องการอพยพเป็นหลัก หมายความว่า ผู้ที่เข้าประเทศจะต้องตั้งใจว่าจะอยู่ในสหรัฐอเมริกาเป็นการชั่วคราว และไม่มีเจตนาจะลงหลักปักฐานในสหรัฐอเมริกาเป็นการถาวร สหรัฐอเมริกากำหนดให้ต้องมีเจตนาไม่อพยพทั้งกับวีซ่าท่องเที่ยว วีซ่านักเรียน และวีซ่าแลกเปลี่ยน สำหรับแต่ละประเภท ผู้ที่จะเข้าประเทศอาจโดนปฏิเสธวีซ่าตั้งแต่ที่สถานทูต หรือที่ด่านคนเข้าเมืองที่สหรัฐอเมริกาก็ได้ และเนื่องจากความเสี่ยงที่จะโดนปฏิเสธ จึงแนะนำให้ยื่นขอวีซ่าให้ตรงกับเจตนาในการเข้าเมืองของคุณ

ในทางกลับกัน คงจะไม่ดีหากจะขอวีซ่าถาวรหากว่าคู่สมรสมีไม่มีเจตนาที่จะย้ายถิ่นฐานไปสหรัฐอเมริกา ในกรณีเช่นนี้ เจตนาอาจจะเป็นเรื่องที่พิสูจน์ยาก แต่ก็ยังแนะนำให้มีเจตนาที่แท้จริงในการที่จะพำนักอาศัยอยู่ที่สหรัฐเมริกาจะดีกว่า

แต่แม้จะมีปัญหาสองอย่างที่กล่าวมาข้างต้น ก็ยังคงมีทางสายกลาง ให้คุณเลือก ทางสายกลางที่ว่าก็คือทฤษฎีสองเจตนา ทฤษฎีนี้มาจากความคิดที่ว่ามีหลายๆกรณีที่วีซ่าสหรัฐอนุญาติให้คนต่างด้าวอยู่ในสหรัฐอเมริกาเป็นการชั่วคราวในขณะที่มีเจตนาอพยพ ทฤษฎีนี้มาจากความจำเป็นที่เกิดจากกรณีคนต่างด้าวเข้ามาอยู่อาศัยและทำงานในสหรัฐอเมริกาด้วยวีซ่าชั่วคราวและอยากได้กรีนการ์ด หน่วยงานคนเข้าเมืองของสหรํฐเข้าในดีว่ากรณีเช่นนี้ในบางกรณีสมควรได้รับการยอมรับและส่งเสริม

ตัวอย่างของการมองหาประเภทวีซ่าที่เหมาะกับตนเองอีกอย่างหนึ่งคือ กรณีวีซ่า เค วัน วีซ่าคู่หมั้น ซึ่งเป็นวีซ่าไม่ถาวร แต่คนต่างด้าวเข้าสหรัฐอเมริกาเพื่อไปอยู่กับคู่หมั้น เพื่อแต่งงาน และปรับเปลี่ยนสถานภาพเป็นผู้ถือกรีนการ์ดตามลำดับ ดังนั้น วีซ่าเค วัน จึงเป็นวีซ่าที่มีสองเจตนา ซึ่งอนุญาตให้อยู่ชั่วคราวได้ 90 วัน แต่ให้โอกาสในการขอกรีนการ์ด

นอกจากนี้ วีซ่า เค ทรี เป็นวีซ่าที่มีสองเจตนาเช่นกัน เนื่องจากโดยพื้นฐานแล้วเป็นวีซ่าไม่ถาวร แต่เมื่อเข้าประเทศสหรัฐอเมริกาได้ ผู้ถือวีซ่าจะต้องปรับเปลี่ยนสถานภาพ เนื่องจากวีซ่าเค ทรี ไม่ใช่กรีนการ์ด การใช้วีซ่าเค ทรี เข้าออกสหรัฐได้ถูกยกเลิกไปเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาเนื่องจาก ระยะเวลาขอวีซ่าถาวรลดลง ในขณะที่ระยะเวล่าขอวีซ่า เค ทรี เพิ่มขึ้นเล็กน้อย

วีซ่า แอล วัน และ เอช วัน บี สำหรับผู้ทำงาน เป็นอีกตัวอย่างของวีซ่าชั่วคราวที่ให้มีสองเจตนาได้ แม้ว่าวีซ่าประเภทเหล่านี้เป็นไปโดยพื้นฐานการจ้างงาน

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดู  วีซ่าอเมริกา

more Comments: 04

The hiring of a lawyer is an important decision that should not be based solely on advertisement. Before you decide, ask us to send you free written information about our qualifications and experience. The information presented on this site should not be construed to be formal legal advice nor the formation of a lawyer/client relationship.