In another great victory for LGBT people, Federal District Court Judge Vaughn Walker ruled today that California’s ban on same sex marriages violates the federal constitution.
“Moral disapproval alone is an improper basis on which to deny rights to gay men and lesbians. The evidence shows conclusively that Proposition 8 enacts, without reason, a private moral view that same-sex couples are inferior to opposite-sex couples.”
These are strong words coming from a federal judge and another clear sign that history is on our side. There is no question that this case will be appealed, first to the 9th Circuit, and then to the U.S. Supreme Court, and the decision will be stayed in the interim. This means that even though Judge Vaughn has found that our Constitutional rights have been violated, his decision will no into effect unless and until it is upheld by a higher court.
Because this is a first step in a longer legal battle, there will be no direct benefit to binational couples for now. We’re still reading and digesting the decision and will blog again shortly about its implications. For now, let’s take a moment to celebrate.

Integrity Legal
- Legal Blog
- Integrity Legal Home
- Thai Visa
- Company in Thailand
- Real Estate Thailand
- US Visa
- Contact Us
Posts Tagged ‘LGBT’
24th March 2011
เมื่อเร็วๆนี้ผู้เขียนได้ติดตามเรื่องที่น่าสนใจคือ บทความของกองทุนความเสมอภาคการตรวจคนเข้าเมือง รายงานว่า ชาวอเมริกันเรียกร้องต่อกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิที่จะเปลี่ยนแปลงนโยบายเกี่ยวกับสถานะของผู้ที่อยู่อาศัยอย่างถาวรตามกฎหมายสำหรับคู่ของกลุ่มเพศที่สาม (LGBT)ที่ถือสัญชาติอเมริกันและเป็นผู้อยู่อย่างถาวรตามกฎหมาย อ้างโดยตรงจาก Immigration Equality Action Fund Blog:
ในการสัมภาษณ์ที่มีการเผยแพร่เมื่อคืนนี้ ผู้อำนวยการใหญ่ของหน่วยงานความเสมอภาคตรวจคนเข้าเมืองราเชลล์ บี ไทเวนเรรียกร้องให้กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิยกเลิกการปฏิเสธการยื่นขอกรีนการ์ดของคุ่แต่งงานชาวอเมริกันในกลุ่มเพศที่สาม
สำหรับผู้ที่ไม่ได้ติดตามประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการอภิปรายเพื่อสิทธิประโยชน์ที่เท่าเทียมกันของกลุ่มเพศที่สามซึ่งมีความเชื่อมโยงกับพระราชบัญญัติการคุ้มครองการแต่งงาน (DOMA) ที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกาห้ามคู่เพศเดียวกันได้รับสิทธิประโยชน์ แม้ว่า สิทธิประโยชน์นั้นจะเป็นสิทธิที่คู่ต่างเพศได้รับอยู่ตามธรรมดาก็ตาม ในขณะเดียวกัน จำนวนของรัฐที่มีอำนาจในอเมริกันเรียกร้องให้พลเมืองและวางมาตรการที่จะอนุญาตให้มีการแต่งงานอย่างถูกต้องตามกฎหมายระหว่างบุคคลที่เป็นเพศเดียวกัน ไม่ว่าอย่างไรก็ตามการแต่งงานอาจจะถูกต้องตามกฎหมายและได้รับการรับรองโดยรัฐในสหรัฐอเมริกา เช่น แมสซาชูเซส ตัวอย่างเช่น รัฐบาลกลางยังคงที่จะไม่ถือว่าการแต่งงานนั้นเป็นไปตามบทบัญญัติของพระราชบัญญัติ DOMA อ้างเพิ่มเติมจากบทความ ของกองทุนเพื่อความเสมอภาคการตรวจคนเข้าเมือง:
“อาจกล่าวเป็นนัยได้ว่า หน่วยงานทางปกครองหยุดที่จะสร้างความแตกแยกในครอบครัวบนหลักของกฎหมายว่า มกฎหมายไม่ได้ให้อำนาจไว้” ไทเวนกล่าวต่อผู้สื่อข่าววแอนดรูว์ ฮาร์มอน “พวกเราจะเรียกร้องกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิในการที่จะยกเลิกการขอกรีนการ์ดสำหรับคู่แต่งงานที่เป็นพลเมืองอเมริกัน”
ตามที่ได้กล่าวไว้แล้วข้างต้นนั้น ผลลัพธ์ของการบังคับใช้พระราชบัญญัติ DOMAในบริยทของคนเข้าเมืองเป็นเรื่องที่มั่นคงและต่อเนื่องของครอบครัวสองสัญชาติ เป็นที่ปรากฏว่า สิทธิที่เท่าเทียมของกลุ่มเพศที่สาม มีความหวังที่จะให้ DHS ช่วยบรรเทาในสสถานการณ์ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อ้างโดยตรงจากกองทุนเพื่อความเสมอภาคการตรวจคนเข้าเมือง
ผู้แทนเจอร์โรลด์ นาร์เดล (D-NY) และโซ ลอฟเกน (D-CA)เป็นผู้นำที่มีความสำคัญในประเด็นของการตรวจคนเข้าเมืองและกลุ่มเพศที่สามและประเด็นเรื่องคนเข้าเมืองในคองเกรส เชื่อมโยงกับการเรียกร้องการเข้าเมืองในการที่จะหยุดเรื่องคู่แต่งงานตามกฎหมาย วุฒิสภานิวยอร์กคริสเทน กิลลิแบรด์คงที่จะต้องชั่งน้ำหนัก กล่าวกับผู้สื่อข่าวเช่นนั้น ข่าวล่าสุดที่เกี่ยวข้องกับคู่เกย์และคู่เลสเบี้ยนที่เป็นคู่สองสัญชาตินั้นใจสลาย
บทความนี้แนะนำให้ผู้อ่านคลิกที่ลิงค์ข้างบนในการที่จะศึกษาข้อมูลของกองทุนเพื่อความเสมอภาคในการตรวจคนเข้าเมืองและการต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพในกลุ่มของเพศที่สาม สิ่งที่พึงระลึกถึงคือ ผู้แทนเจอรัลด์ แนดเลอร์มีการออกกฎหมายที่เป็นไปในทางสนับสนุนมากขึ้น เช่น พระราชบัญญัติการรวมกลุ่มของครอบครัวอเมริกัน (UAFA) ร่างกฎหมายนี้ให้สิทธิประโยชน์เรื่องการเข้าเมืองแก่คู่เพศเดียวกันสองสัญชาติ
รัฐหลายๆรัฐในสหรัฐอเมริกามอบของขวัญให้แก่สิทธิที่เท่าเทียมกันของกลุ่มเพศที่สาม สิทธิประโยชน์ ความคุ้มกันและการป้องกัน หลายๆรัฐเช่น แมสซาชูเซส ไอโอวา โรดไอซ์แลนด์ เวอร์มอนท์ นิวแฮมเชียร์ คอนเนคติกัส และเขตในโคลัมเบียให้การสนับสนุนการต่อสู้สิทธิในครอบครัวของกลุ่มเพศที่สาม ในขณะเดียวกัน การบังคับใช้บทบัญญัติต่างๆในพระราชบัญญัติคุ้มครองการแต่งงาน (DOMA) เป็นการรักษาสิทธิประโยชน์เรื่องการเข้าเมืองที่เท่าเทียมกันของคู่เพศเดียวกันสองสัญชาติ เมื่อเปรียบเทียบกับคู่ต่างเพศ
ประเด็นเรื่องการแต่งงานของเพศเดียวกันและสิทธิที่เท่าเทียมกันเป็นเรื่องที่มีการแนะนำอยู่หลายๆประเด็นที่มีความหลากหลาย แต่ในความคิดเห็นของผู้เขียนไม่ต้องการให้เป้นเช่นนั้น ตัวอย่างเช่น ผู้เขียนมาจากประเทศสหรัฐอเมริกา(รัฐแคนซัส)ซึ่งมีการห้ามคู่แต่งงานเพศเดียวกัน (ใช่ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม การแต่งงานของเพศเดียวกันรัฐแคนซัสนั้น เป็นสิทธิที่จะแต่งงานกับใครก็ได้ซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานภายใต้รัฐธรรมนูญสหรัฐอเมริกาซึ่งให้สิทธิแก่ชาวแคนซัสเช่นเดียวกับคนอื่นในสหรัฐ แต่การวิเคราะห์ต่อไปนี้เป็นสิ่งที่ต้องตระหนักถึงเบื้องต้นในประเด็นการแต่งงานเพศเดียวกันระหว่างรัฐ) มีบางฝ่ายโต้เถียงว่า เรื่องนี้ไม่ใช้กับศาลแห่งรัฐที่ห้ามการแต่งงานของเพศเดียวกันตามกฎหมายในรัฐอื่นๆ ผู้เขียนบทความนี้เห็นว่า อาจมีการแปลความที่แตกต่างกันในบริบทความความเชื่อมั่นอาจจะมีการอนุญาตในบางรัฐ เช่น แคนซัส ในการที่จะทำให้การแต่งงานตามกฎหมายระหว่างคู่เพศเดียวกันที่ยังคงอาศัยข้อเท็จจริงในเขตอำนาจของรัฐอื่น (ตัวอย่างเช่น แมสซาชูเสส) บทบัญญัติของรัฐอาจจะห้ามการรับรองหรือการบังคับคดี ของการหย่าในคู่เพศเดียวกัน แต่ในบางกรณีนั้นคู่เพศเดียวกันไม่ได้รับสถานะทางการแต่งงานจากส่วนกลางหรือจากระหว่างรัฐ อาจกล่าวได้ว่า ไม่มีประเด็นที่ได้รับการแก้ปัญหาอย่างชัดเจน
To view this information in English please see: same sex marriage.
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาคลิกที่นี่: UAFA
15th March 2011
อาจจะเป็นเรื่องประเด็นทางการเมืองและทางกฎหมายที่ซับซ้อนเรื่องหนึ่งในหมู่ชาวอเมริกันที่มีแนวคิดตามสมัยซึ่งมีรายงานจากหลายแหล่งว่า ประธานาธิบดีบารัก โอบามา อยู่ภายใต้แรงกดดันจากคนหลายๆกลุ่มๆที่อยู่บนพื้นฐานของการพิจารณาว่า ไม่บังคับตามบทบัญญัติหลักที่เรียกว่า “พระราชบัญญัติคุ้มครองการแต่งงาน” (DOMA) อ้างโดยตรงจากบทความที่เขียนใน AfricaOnline.com:
โฆษกคนก่อนของบ้านจิงริช แนะนำว่า ประธานาธิบดีโอบามาก้าวล้ำข้อผูกพันที่เกี่ยวกํฐณํบะรรฒฯยเมื่อเขาไม่อาจจะปกป้องพระราชบัญัติคุ้มครองการแต่งงานในศาล
ในการที่จะปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญสหรัฐอเมริกานั้น ขอบเขตระหว่างประเด็นทางการเมืองและทางกฎหมายเริ่มต้นที่จะไม่ชัดเจนและสำหรับเหตุผลของประเด็นแวดล้อมไปด้วยสถานการณ์ทางกฎหมายที่น่าสนใจในประวัติศาสตร์เมื่อไม่นานมานี้ซึ่งยากที่จะเข้าใจสำหรับผู้ที่ไม่ได้ติดตามในประเด็นนี้ กล่าวโดยย่อ รัฐบาลกลางสหรัฐอเมริกาเพิ่งจะขัดขวางเรื่องการแต่งงานระหว่างคู่เพศเดียวกันในบทบัญญัติของพระราชบัญญัติคุ้มตรองการแต่งงาน (DOMA) ในขณะเดียวกัน 7 เขตอำนาจศาลในสหรัฐอเมริกา ประกอบด้วย 6 รัฐเอกราช ได้มีการอนุญาตแก่คู่แต่งงานเพศเดียวกัน ในขณะที่ หลายรัฐมหาอำนาจในสหรัฐอเมริกามีการประกาศใช้การแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐในการห้ามการแต่งงานระหว่างคู่เพศฌดียวกัน ปัจจุบันนี้ มีหลายกรณีที่ตัดสินโดยศาลแห่งรัฐแมสซาชูเซสซึ่งรัฐมีสิทธิพื้นฐานที่จะแต่งงานภายในเขตอำนาจ สิทธิของทนายความแต่ละรัฐ ประเด็นที่สำคัญใน กรณีของ DOMA คือ การยอมรับของส่วนกลางของการแต่งงานคู่เพศเดียวกันตามกฎหมายและการบังคับตามเขตอำนาจศาล อ้างนายจิงริชต่อใน AfricaOnline.com:
“นึกภาพว่า รัฐมนตรีเพลินกลายเป็นประธานาธิบดี” จิงริชกล่าว “นึกภาพว่า เธอเพิ่งประกาศว่า (Roe versus Wade )โรล เวอซํส เวดด์ในมุมมองของเธอไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญและรัฐบาลสหรัฐอเมริกาไม่ได้ปกป้องสิทธิของใครในการที่จะทำแท้ง เพราะโดยส่วนตัวแล้วเธอตัดสินใจที่จะเปลี่ยน สื่อมวลชนกำลังบ้าคลั่ง นิวยอร์ก ไทม์กำลังจะกล่าวโทษเธอ”
หรับผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับคำตัดสิน Roe versus Wade คดีนี้เกิดในศาลสูงสุดซึ่งอนุญาตให้ผู้หญิงทำแท้งได้โดยเป็นไปตามการตีความตามรัฐธรรมนูญสหรัฐอเมริกา เป็นเรื่องที่น่าสนใจว่า นายจิงริชอ้างว่า ขาดแคลนความสนใจกระแสของสื่อซึ่งมีผู้ที่ถกเถียงเกี่ยวกับสิทธิที่เท่าเทียมกันของกลุ่มคนเลสเบี้ยน เกย์ ไบเซ็กชวล คนแปลงเพศในประเด็นที่ตรวจสอบโดยสื่อมวลชน เพื่อความเข้าใจ ประเด็นของคู่เพศเดียวกันแต่งงานในการที่จะทำให้มีปฏิกิริยาที่แข็งแกร่งจากส่วนต่างๆของมุมมองอเมริกัน อ้างโดยตรงจากเว็บไซต์ThinkProgress.org:
ขณะนี้สิทธิของฝ่ายปกครองที่จะประกาศว่า จะไม่มีการปกป้องการบังคับตามมาตรา 3 พระราชบัญญํติคุ้มครองครอบครัว (DOMA) สมาชิกสภาเทนท์ แฟรงก์ (R-AZ)เรียกร้องที่จะให้มีการกล่าวโทษโอบามา
หลังจากที่ริพลับลิกันในอริโซนามีการเรียกร้องต่อกระทรวงยุติธรรมหากมีการปกป้องมาตรา 3 พระราชบัญญัติ DOMA “ผมอยากที่จะสนับสนุนในเวลานี้” แฟรงค์กล่าว –เขากล่าวต่อไปว่า ถ้ามีการรวบรวมการสนับสนุน ต้องมีการกล่าวโทษโอบามาอย่างแน่นอนและอัยการอีริคโฮล์เดอร์
สิ่งที่ปรากฏว่า ประเด็นนี้เป็นเหตุให้เกิดความวุ่นวายทางการเมืองสำหรับโอบามา แต่สิ่งที่น่าสนใจมากกว่านั้นในประเด็นนี้ทั้งในหมู่ของเพศที่สาม LGBT และรัฐที่มีเอกราชซึ่งเป็นสหรัฐอเมริกา
เพื่อความเข้าใจ ผู้เขียนบทความเชื่อว่าสิทธิในการแต่งงานของผู้ที่เลือกแต่งงานตามสิทธิพื้นฐานที่ไม่สามารถโอนแก่กันได้และการได้รับการปกป้องอย่างเท่าเทียมกันของสิทธิที่ควรจะเป็นของเลสเบี้ยน เกย์ ไบเซ็กชวล และกลุ่มที่แปลงเพศ (LGBT) ความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ถ้าคนสองคนประสงค์ที่จะแต่งงานด้วยความเต็มใจ แล้วเรื่อง เพศ ไม่ควรจะเป็นวัตถุประสงค์ของการยอมรับของรัฐบาล อย่างไรก็ตาม มีการโต้แย้งที่มีน้ำหนักในการที่ต้องการการยอมรับของคู่แต่งงานเพศเดียวกัน และการโต้แย้งนี้ได้รับข้อมูลมาจากรัฐทั้งหกที่อนุญาตให้รูปแบบของคู่เพศเดียวกัน (ประเพณีทางสังคม หรือการแต่งงาน) โดยปรากฏอย่างชัดเจนรัฐโดยประเพณีที่จะทำให้การแต่งงานถูกต้องตามกฎหมายในเขตอำนาจนั้นและรัฐบาลกลางคววรต้องให้การยอมรับกลุ่มคนประเภทนี้ แต่บทบัญญัติของ DOMA ไม่ได้อ้างถึงเรื่องการยอมรับ ตัวอย่างเช่น คู่เพศเดียวกันที่มีการสมรสอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แมสซาชูเซสไม่สามารถที่จะให้สิทธิประโยชน์เหมือนที่คู่ต่างเพศได้รับตามบทบัญญัติในพระราชบัญญัติ DOMA มีประเด็นบางเรื่องเกี่ยวกับการบัญญํติกฎหมาย เช่น พระราชบัญญัติการรวมกลุ่มของครอบครัวอเมริกัน(UAFA)ซึ่งเป็นการแก้ปัญหานี้ในบริบทของคนเข้าเมืองสหรัฐอเมริกา แต่ยังละทิ้งคำถามพื้นฐานที่ยังหาคำตอบไม่ได้ เมื่อไหร่รัฐบาลกลางให้อำนาจแก่รัฐ ควรจะมีการก่อตั้งสิทธิแต่งงาน
ตามที่คำตัดสินของโอบามาที่ไม่ดำเนินคดีนี้ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองการแต่งงาน ทัศนคตินี้เป็นเรื่องที่น่ายกย่อง แต่การกระทำโดยรวมแล้วไม่อาจที่จะก่อให้เกิดประโยชน์แก่กลุ่มLGBT ในผลลัพธ์ของแต่ละกรณี หากกรณีใด หรือข้อขัดแย้งใดเกิดก่อนชั้นศาลสูงสุด เป็นการเปลี่ยนแปลงสำหรับศาลสูงสุดที่จะขยายข้อผูกพันของคำตัดสินศาลสูงสุดตามพระราชบัญญัติคุ้มครองการแต่งงาน (และมีแนวโน้มที่ทั้งหมดจะพูดถึงประเด็นเรื่องคู่เพศเดียวกัน) บทของความน่าเชื่อถือและศรัทธา และประเด็นทางกฎฎหมายอื่นๆ เช่นความแตกต่างของคู่สองสัญชาติเพศเดียวกันซึ่งจะเป็นส่วนส่วนของการบังคับใช้พพระราชบัญญัติคุ้มครองการแต่งงาน
ความเห็นส่วนตัวของผู้เขียนบทความนี้ ศาลสูงสุดสหรัฐอเมริกาจะยอมรับการแต่งงานของคู่เพศเดียวกัน แต่สิ่งที่จะสามารถพิสูจน์สิทธิของรัฐที่จะกำหนดนโยบายสำหรับผู้ที่จะแต่งงานในเขตอำนาจในขณะที่ ความเป็นเสรีนิยม หรือ สังคมนิยม ของศาลให้คู่เพศเดียวกันได้รับการยอมรับในการแต่งงานในรัฐซึ่งเป็นประเด็นที่เป็นสิทธิของงพลเมือง
To see this information in the English language please see: Defense of Marriage Act.
24th February 2011
It recently came to this blogger’s attention that the Attorney General of the United States, apparently at the request of the President, has opted to discontinue pursuing cases that would enforce the provisions of section 3 of the so-called “Defense of Marriage Act” (DOMA). To quote directly from a letter written from United States Attorney General Eric Holder to the Speaker of the United States House of Representatives the Attorney General noted:
After careful consideration, including a review of my recommendation, the President has concluded that given a number of factors, including a documented history of discrimination, classifications based on sexual orientation should be subject to a heightened standard of scrutiny. The President has also concluded that Section 3 of DOMA, as applied to legally married same-sex couples, fails to meet that standard and is therefore unconstitutional. Given that conclusion, the President has instructed the Department not to defend the statute in Windsor and Pedersen, now pending in the Southern District of New York and the District of Connecticut. I concur in this determination.
The administration of this blog highly recommends that those reading this posting click on the links above to read the Attorney General’s actual letter to Congress regarding this matter. That said, the administration of President Barack Obama should be guardedly commended for their position on this controversial and important matter. This announcement could be a boon to the LGBT community and the unfortunate same sex bi-national couples who are separated due to the fact that there has yet to be passage of legislation such as the Uniting American Families Act (UAFA) which would circumvent DOMA and thereby allow those persons married to someone of the same sex to petition for immigration benefits in the same manner as their different sex counterparts. Bearing that in mind, there are some who could argue that the administration’s position on the issue could cause some unanticipated problems for those who wish to see swift equalization of rights for the LGBT Community, at least in the short term. Such an argument could be based upon the fact that failure to pursue these cases could lead to a situation where the public is unable to get the issue before the Supreme Court (more analysis on this below). To continue quoting from the Attorney General’s letter to Congress:
Notwithstanding this determination, the President has informed me that Section 3 will continue to be enforced by the Executive Branch. To that end, the President has instructed Executive agencies to continue to comply with Section 3 of DOMA, consistent with the Executive’s obligation to take care that the laws be faithfully executed, unless and until Congress repeals Section 3 or the judicial branch renders a definitive verdict against the law’s constitutionality. This course of action respects the actions of the prior Congress that enacted DOMA, and it recognizes the judiciary as the final arbiter of the constitutional claims raised.
As noted in the first sentence of this above cited paragraph, the administration’s decision not to pursue Federal cases to block recognition of same sex marriages could theoretically stall efforts at ultimate recognition of same sex marriage in the Courts. The reason for this is based upon the fact that Courts can only “make new law” when there is a “case or controversy” pending before them. The President’s failure to pursue such cases could effectively blunts efforts to get same sex marriages recognized in the Courts. To put it simply: a case involving the issue of the Defense of Marriage Act (DOMA) can only get before an Appellate Court (including the Supreme Court) if the party that lost in the lower court brings an appeal. Where the Obama administration has stated that they have changed their position on the issue of judicial scrutiny of same sex couples the fact still remains that in order for the Courts to render a final decision on the issue, a case must be properly brought before them. The Holder letter went on to note:
We will remain parties to the case and continue to represent the interests of the United States throughout the litigation.
Interpretation of this line of the letter is critical for the future of same sex marriage cases pending before the Courts because the Obama administration (or a later administration, for that matter) may be placed in a position in which they are forced to appeal against a ruling in favor of same sex couples in order for the issue to be brought to the official attention of the higher Courts (most especially the United States Supreme Court). Failure on the part of the Obama administration to pursue the government’s current position in favor of DOMA all the way to the Supreme Court could lead to a situation, not unlike that once seen in the cases involving the old Widow’s Penalty in an immigration context, where same sex marriage is ruled legal in, say, the Second Circuit, but might not be legalized across the United States if the Attorney General’s office refuses to request certiorari from the United States Supreme Court and simply opts to accept the 2nd Circuit’s ruling.
At the same time, the administration is not actively involved in efforts to discourage recognition of same sex marriages. From a political standpoint, the President’s apparent decision to discontinue pursuit of such cases is rather shrewd in that, as noted in the last sentence of the paragraph cited above, it allows the administration to avoid something of a “political hot potato” without actually doing anything that might offend those arrayed against the recognition of same sex marriage. Meanwhile, as a practical matter, the administration’s decision changes nothing about the current state of affairs with regard to same sex marriage. In fact, if the administration refuses to appeal such cases to the Supreme Court, they would effectively close off one of the two avenues by which DOMA could be overturned (the other being outright repeal by the US Congress). The Defense of Marriage Act remains “on the books” and therefore continues to be an impediment to Federal recognition of same sex marriage (even those solemnized and legalized by the States).
From this blogger’s perspective, the administration appears to be attempting to make efforts in support of the LGBT community on the issue of same sex marriage, but in reality the two branches of government that can truly make a change to the current Federal policy on same sex marriage are the legislative branch of government and the judiciary. At present, two significant cases are pending in the judicial system. One case in California attacks DOMA from more of a civil right’s perspective while the Massachusetts Federal District Court found DOMA unconstitutional based upon, among other things, an analysis of that State’s (or more accurately: Commonwealth’s) inherent right to solemnize and legalize marriages within their jurisdiction. To quote directly from the opinion in the Massachusetts case:
State control over marital status determinations predates the Constitution. Prior to the American Revolution, colonial legislatures, rather than Parliament, established the rules and regulations regarding marriage in the colonies. And, when the United States first declared its independence from England, the founding legislation of each state included regulations regarding marital status determinations.
Many analyze this issue from the perspective of the Equal Protection Clause of the United States Constitution. There is a very valid argument that discriminating against same sex couples due to their gender/sexual orientation is a violation of Equal Protection. However, the argument in favor of the States’ inherent rights to make rules and regulations regarding marriages within their jurisdiction is a potent argument which should not be overlooked. Equal Rights for the LGBT community is a Civil Rights matter, but where 6 Sovereign States and the District of Columbia have taken the initiative and allowed same sex unions it begs the question: why is the Federal government contravening clear State policy on matters that have traditionally been within the exclusive bailiwick of the States?
This blogger has repeatedly written postings analyzing the issue of same sex marriage from the perspective of States’ Rights as well as Full Faith and Credit Clause of the United States Constitution. What is the most interesting aspect of this issue from the blogger’s perspective is the fact that the more socially conservative wing of the Supreme Sourt could end up voting in favor a same sex marriage based upon a States’ Rights line of thought. To quote directly from the dissenting opinion written by Justice Scalia in the Lawrence v. Texas case (which both the Chief Justice of the United States Supreme Court and Justice Thomas joined):
If moral disapprobation of homosexual conduct is “no legitimate state interest” for purposes of proscribing that conduct, ante, at 18; and if, as the Court coos (casting aside all pretense of neutrality), “[w]hen sexuality finds overt expression in intimate conduct with another person, the conduct can be but one element in a personal bond that is more enduring,” ante, at 6; what justification could there possibly be for denying the benefits of marriage to homosexual couples exercising “[t]he liberty protected by the Constitution,” ibid.? Surely not the encouragement of procreation, since the sterile and the elderly are allowed to marry.
All of the Justices noted above dissented in the Lawrence opinion based upon the reasoning that the States’ retain the right to regulate homosexual conduct within their jurisdiction. The Court itself went the other way in that decision, but the above citation from the dissent is important because it shows that those Justices might rule favorably upon an issue involving Federal recognition of same sex marriage if the underlying facts were to show that the State sovereign had duly recognized such unions pursuant to their aforementioned “police powers” noted in the Massachusetts case cited above.
As of yet, these issues remain to be resolved, but one thing is clear: the political winds are changing with regard to LGBT rights. However, said rights have yet to be fully secured and until such time as they are advocates for equal marriage rights should continue to monitor this issue.
10th February 2011
บาร์บารา บุชออกมาสนับสนุนการแต่งงานของคู่เพศเดียวกัน
Posted by : admin
ในขณะที่โลกของออนไลน์ สิ่งที่อยู่ในความสนใจของบล็อกเกอร์ในหัวข้อของการแต่งงานของเพศเดียวกันในสหรัฐอเมริกาและการทำให้สิทธิเท่าเทียมกันของคู่เพศเดียวกันในสหรัฐอเมริกา เป็นสิ่งที่ปรากฏชัดว่า นางบาร์บารา บุช (ไม่ใช่สตรีหมายเลขหนึ่งคนก่อน แต่เป็นหลานของเธอ)ออกมาเสนอสิทธิที่เท่าเทียมกันในการแต่งงาน อ้างโดยตรงจากผู้เขียนบทความ Candace Chellew-Hodge ลงในเว็บไซต์ religiondispatches.org:
อันดับแรก เมื่อสมาชิกวุฒิสภาของอริโซนา เมแกน ลูกสาวของจอห์น แมคเคนผู้ซึ่งออกมาในฐานะที่เป็นรีพับลิกันอายุน้อยซึ่งสนับสนุนสิทธิที่เท่าเทียมกันของเกย์และเลสเบี้ยน ขณะนี้ลูกสาวคนเล็กของประธานาธิบดีคนก่อนจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุชเช่นเดียวกับแม่ของเธอลอร์ล่า ประกาศอย่างเป็นทางการว่า เธอสนับสนุนความเท่าเทียมกันของการแต่งงาน ในวิดีโอที่เผยแพร่เมื่อสัปดาห์นี้โดยการรณรงค์สิทธิมนุษยชน บาร์บารา บุชอ้างด้วยตนเองว่า “ชาวนิวยอร์กเพื่อความเท่าเทียมกันในการแต่งงาน”
เป็นเรื่องที่น่าสนใจว่า ประเด็นเรื่องความเท่าเทียมกันในการแต่งงานอาจจะไม่ทำให้เกิดปฏิกิริยาจากสมาชิกในช่วงวัยที่แตกต่างกัน ในช่วงเวลาหนึ่ง ประเด็นของการแต่งงานของคู่เพศเดียวกันและสิทธิของเลสเบี้ยน เกย์ ไบเซ็กชวล คนที่แปลงเพศ (LGBT)ค่อนข้างเป็นประเด็นที่ถกเถียงกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายในพรรครีพับลิกัน ปรากฏเห็นได้ชัดเจนว่า ผู้ที่มีหัวก้าวหน้ามีแนวโน้มต่อเรื่องนี้ มากกว่าผู้ที่เคร่งศาสนาซึ่งจะมีประเด็นส่วนตัวกับการปฏิบัติซึ่งเป็นเสรีภาพส่วนบุคคลและสิทธิที่จะอยู่กับคนรักบนพื้นฐานของทั้งประสบการณ์มนุษย์และความฝันของคนอเมริกัน อย่างไรก็ตามไม่ใช่ทุกคนที่จะรู้สึกแบบเดียวกัน อ้างจากเว็บไซต์ที่กล่าวถึงข้างบน:
จากมุมมองของเครือข่ายครอบครัวอเมริกัน บล็อกเกอร์เจนนี ไทรีไม่แปลกใจที่นางบุชและนางแมคเคนสนับสนุนความเสมอภาคในการแต่งงาน “เป็นช่วงเวลาที่ง่ายสำหรับ 20-หรือบางอย่าง หรือหลายพันปีในการที่จะก้าวกระโดดกิจกรรมที่มีคนจำนวนมากสนับสนุนคู่
แต่งงานเพศเดียวกัน” เธอเขียน จากการสังเกตการณ์กลุ่มคนจำนวนมากในช่วงอายุ 18-29 ปี สนับสนุนความเสมอภาคในการแต่งงาน
ผู้ที่อ่านบทความนี้จะได้รับคำแนะนำที่ดีในการที่จะเข้าไปที่ religiondispatches.org เพื่อที่จะอ่านเรื่องราวทั้งหมด อาจกล่าวได้ว่า สิ่งที่บล็อกเกอร์อ้างถึงนั้น ยี่สิบบางอย่าง แม้ว่าอาจจะเป็นช่วงยี่สิบปลายๆแล้วก็เกลียดที่จะใช้คำจำกัดความของคำว่า “หลายพันปี” เมื่ออธิบายถึงช่วงอายุแต่ละวัยของชาวอเมริกันที่มาเป็นสหัสวรรษใหม่ เหตุผลของการต่อต้านมาจากข้อเท็จจริงที่ทำให้คนทั่วไปรู้สึกเหมือนว่า ดอกไม้กำลังบานในช่วงปีแรกมากกว่าในยุคของวัยที่มีความรอบรู้ผู้ที่จะสามารถแสดงความเห็นได้หลากหลายประเด็นแต่นี่เป็นการพูดนอกประเด็น
ตามข้อมูลที่อยู่บนพื้นฐานของกฎหมายคนเข้าเมืองสหรัฐอเมริกาเป็นข้อเท็จจริงที่อยู่ภายใต้กรอบทางกฎหมายซึ่งเรียกว่า พระราชบัญญัติต่อต้านการแต่งงาน(DOMA) รัฐบาลกลางปฏิเสธถึงความเหมาะสมของการแต่งงานคู่เพศเดียวกัน ไม่ว่าอย่างไรก็ตามข้อเท็จจริงที่สหรัฐอเมริกาต้องตระหนักถึงและทำให้จริงจังมากขึ้น มีผู้คนจำนวนมากที่โต้เถียงเกี่ยวกับการออกกฎหมายที่ไม่เป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ เนื่องจากมีการยกเลิกสิทธิพิเศษเกี่ยวกับการแต่งงานภายใต้เขตอำนาจเดียวกัน นอกจากนี้ ความเห็นของผู้เขียนซึ่งทางปฏิบัติในปัจจุบันละเมิดต่อ หลักความศรัทธาและความเชื่อถือของรัฐธรรมนูญสหรัฐอเมริกา ในขณะเดียวกันการถอนสิทธิบุคคลออกจากการปกป้องความเท่าเทียมกันภายใต้รัฐธรรมนูญสหรัฐอเมริกาและสิทธิภายใต้ทฤษฎี “การพิสูจน์ตามขั้นตอน” ในบริบทของคนเข้าเมือง มีการเปลี่ยนแปลงในสภาคองเกรสสหรัฐอเมริกาในนการจัดการกับประเด็นที่เกี่ยวกับคู่เพศเดียวกันแต่งงาน โดยส่วนมาก ผู้แทนเจอร์รัลด์ เนดเดิลพยายามที่จะทำให้พระราชบัญญัติการรวมครอบครัวอเมริกัน (UAFA)ซึ่งจะช่วยทำให้ประเภทของวีซ่าสำหรับ “คู่ถาวร”ของพลเมืองอเมริกันและผู้มีถิ่นฐานถาวรถูกต้องตามกฎหมายอเมริกา ในขณะที่เขียนบทความนี้ กฎหมายยังไม่ผ่านสภา
ภายใต้มุมมองกฎหมายของรัฐบาล คู่เพศเดียวกันที่มีสองสัญชาติไม่อนุญาตที่จะให้สิทธิประโยชน์ของวีซ่าครอบครัวของสหรัฐอเมริกาอย่างเท่าเทียมกันกับคู่ต่างเพศซึ่งอาจจะละเมิดพระราชบัญญัติ DOMA หวังเป็นอย่างยิ่งว่า การสนับสนุนของกลุ่มคนรุ่นใหม่ของชาวอเมริกันในประเด็นเหล่านี้จะเป็นการเปลี่ยนกระแสและคู่เพศเดียวกันจะสามารถได้รับสิทธิตามรัฐธรรมนูญและตามหลักเรื่องคนเข้าเมืองเช่นเดียวกับคู่ต่างเพศ
To view this post in English please see: same sex marriage.
5th January 2011
ในเรื่องที่น่าสนใจของการที่กลุ่มเลสเบี้ยน เกย์ ไบเซ็กชวล และกลุ่มที่แปลงเพศ(LGBT) ได้รับชัยชนะทางการเมืองเมื่อหลายอาทิตย์ที่ผ่านมานี้ บล็อกเกอร์พบบทความที่น่าสนใจโดยบังเอิญในเว็บไซต์ Wikinews.org อ้างโดยตรงจากวิกินิวส์
วันศุกร์ที่ 24 ธันวาคม 2554
ในการสัมภาษณ์ทางโทรทัศน์ในรายการ Good Morning America รองประธานาธิบดี โจ ไบเดน กล่าวว่าความเห็นในเชิงบวกของคนส่วนมากเกี่ยวกับการแต่งงานของคู่เพศเดียวกันนั้นเป็นสื่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ในประเทศที่มีการพัฒนา
“[มีสิ่งที่]ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้สำหรับความเห็นของคนส่ววนมากในระดับชาติในเรื่องการแต่งงานของคู่เกย์ ผมคิดว่า การที่ประเทศมีการพัฒนา และผมคิดว่า ความพยายามต่อไปควรจะเป็นการจัดการกับสิ่งที่เรียกว่า DOMA” ไบเดน กล่าว
สำหรับผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับประเด็นที่เกี่ยวกับสิทธิที่เท่าเทียมกันของกลุ่ม LGBT เรียกพระราชบัญญํติต่อต้านการแต่งงาน (DOMA) ต่อต้านรัฐบาลอเมริกันจากการแต่งงานของคู่เพศเดียวกัน (หรือประเภทอื่นๆของกลุ่มมเพศเดียวกัน) รัฐบาลกลางซึ่งเป็นไปตามบทบัญญัติของ DOMA ไม่แม้แต่อนุญาตที่จะให้การแต่งงานของคู่เพศเดียวกันถูกต้องตามกฎหมายและเป็นไปตามกฎหมายของรัฐ สำหรับวัตถุประสงค์ในเรื่องการเข้าเมือง DOMAเป็นงานที่สำคัญในการออกกฎหมายที่บังคับให้รัฐบาลอเมริกันเข้มงวดกับผลประโยชน์เรื่องการเข้าเมืองของครอบครัวในคู่ต่างเพศ จากผลของสถานการณ์ คู่สองสัญชาติหลายคู่นั้นต้องแยกจากอีกฝ่ายหนึ่งโดยเขตแดนและบางครั้งโดยมหาสมุทร Wikinews.orgกล่าวต่อไปว่า
ไบเดนให้ความเห็นหลังจากประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา บารัค โอบามาลงนามในกฎหมาย ยกเลิกการห้ามถามห้ามบอก (DADT) การยกเลิกนี้โอบามาลงนามเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา จะอนุญาตเกย์และเลสเบี้ยนสามารถที่จะรับใช้ชาติในทางทหารได้โดยปราศจากความกลัวว่า จะถูกปลดออกจากททหาร รายงานโดยเพนตากอนในช่วงต้นเดือนนี้สรุปได้ว่า โดยส่วนตัวแล้วการรับใช้ชาติไม่เชื่อว่า มีการปฏิรูปกฎที่เกี่ยวกับเกย์และเลสเบี้ยนมีผลกระทบต่อกำลังใจ การทำงานร่วมกันหรือประสิทธิภาพทางทหาร รายงานพบว่า เพียง 30% เชื่อว่า การเปลี่ยนแปลงกฎหมายอาจจะส่งผลในทางลบ DADT ความพยายามกว่า 17ปี นั้นถูกยกเลิกโดยวุฒิสภาสหรปี นั้นถูกยกเลิกโดยวุฒิสภาสหรัฐในวันเสาร์ กองทัพจะหยุดบังคับนโยบายใน 60 วันหลังจากที่เพนตากอนได้รับการอนุมัติจากคองเกรสว่า การทหารพร้อมที่จะบังคับตามกฎหมายใหม่ [sic]
การยกเลิกการห้ามถามห้ามบอกเป็นก้าวที่สำคัญสำหรับเกย์ เลสเบี้ยน ไบเซ็กชวลและผู้ที่แปลงเพศ(LGBT) แต่ความเสมอภาคที่แท้จริง ภายใต้กฎหมายจะกลายเป็นจริงได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ DOMA สามารถที่จะขจัดข้อสงสัยของสิทธิประโยชน์ครอบครัวสำหรับคู่ LGBT ผู้ร่างกฎหมายบางท่านมีความพยายามที่จะร่างกฎหมายเพื่อที่จะจัดการกับความแตกต่างของคู่สองสัญชาติที่เป็นเพศเดียวกันเพื่อวัตถุประสงค์ในการเข้าเมือง เมื่อหลายๆปีมานี้ การร่างกฎหมายเช่น พระราชบัญญัติการรวมครอบครัวอเมริกันนั้นได้อนุญาตให้คู่ถาวรของชาวอเมริกันหรืออผู้ที่อยู่อาศัยอย่างถาวรถูกต้องตามกฎหมายเพื่อที่จะได้รับสิทธิประโยชน์เหมือนกับที่คู่ต่างเพศของชาวอเมริกันและผู้ที่อยู่อาศัยอย่างถาวรได้รับ สำหรับเว็บเพจที่น่าสนใจในประเด็นนี้สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ logcabin.org ซึ่งเป็นเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของรีพับลิกกัน Log Cabin Republicans อ้างโดยตรงจากเว็บไซต์
พระราชบัญญัติการรวมครอบครัวอเมริกัน (UAFA) ซึ่งงอยู่ในสภาคองเกรส อาจจะเป็นจุดจบของความแตกต่างของเกย์และเลสเบี้ยนในกฎหมายคนเข้าเมืองโดยอนุญาตให้พลเมืองอเมริกันและผู้มีถิ่นฐานถาวรสนับสนุนคู่เพศเดียวกันเพื่อสิทธิประโยชน์ในการเข้าเมือง พระราชบัญญัติฉบับนี้ถูกเสนอในสภาเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่แล้ว (H.R.1024)ซึ่งมีผู้สนับสนุน 11622 คน นอกจากนี้พระราชบัญญัติการรวมครอบครัว(H.R.2709) ยังประกอบด้วย UAFAในฐานะที่เป็นบทบัญญัติของพระราชบัญญัติคนเข้าเมืองที่ใหญ่กว่า คนในขณะที่วุฒิสภามีผู้สนับสนุน
ในขณะที่กลุ่มที่คัดค้านการเข้าเมืองเกรงว่า UAFA อาจจะเป็นเหมือนการเปิดประตูระบายน้ำของคนเข้าเมืองจำนวนมากเช่นความกลัวที่ไม่อาจพบเจอได้ มันอาจจะเป็นการได้รับถิ่นที่อยู่เพียงคนต่างชาติที่มีความเกี่ยวข้องกันทางหุ้นส่วนการเงินกับพลเมืองอเมริกัน คนจำนวนมากอาจอยู่ในสหรัฐอเมริกาเป็นเวลานานหลายปีโดยใช้วีซ่าทำงานหรือวีซ่านักเรียนและสร้างกลุ่มสังคมอเมริกัน ในหลายๆเหตุการณ์ ผู้เขียนได้ตรวจสอบเพื่อความแน่ใจว่า กลุ่นคนที่มีความเบี่ยงเบนทางเพศสามารถยื่นขอถิ่นที่อยู่ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ที่น่าอับอายนี้ซึ่งจะเกิดขึ้นเหมือนกันในคู่เกย์และเลสเบี้ยน มาตรการนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเป็นทางสำหรับอิสรภาพของการเข้าเมือง
อาจจะดูเหมือนเป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาว่า แนวทางของUAFA เป็นเหมือนงานร่างกฎหมายที่จะส่งผลให้เกิดการปลอมแปลงคำขอวีซ่าของผู้ที่หวังจะได้รับผลประโยชน์ที่เกิดขึ้น เพื่อที่จะเป็นการค้นหาสิทธิประโยชน์เกี่ยวกับคนเข้าเมืองในขณะที่ความสัมพันธ์เป็นไปอย่างน่าละอาย ตามความเห็นของผู้เขียนแนวทางของUAFAเหมือนการร่างกฎหมายที่จะส่งผลให้มีการฉ้อฉลเรื่องการเข้าเมืองเพิ่มมากขึ้นในขณะที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกามีระบบที่มีประสิทธิภาพมากในการที่จะปราบปรามการฉ้อฉลที่หลากหลายของระบบการเข้าเมืองและกระบวนการที่หลากหลายของภาพรวมของการดำเนินการเรื่องคนเข้าเมืองของอเมริกา
หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ฐานะรองประธานาธิบดี ไบเดนกล่าวไว้ข้างบนว่า ความเห็นของคนส่วนมากที่เป็นไปในเชิงบวกในประเด็นที่สามารถที่จะส่งผลให้สิ้นสุดการรวมตัวกันของครอบครัวสองสัญชาติในสหรัฐอเมริกา
To view this posting in English please see: same sex marriage.
9th December 2010
สำหรับผู้ที่ติดตามบล็อกอย่างต่อเนื่องคงไม่มีข้อสงสัยในเรื่องที่มีการถกเถียงกันเมื่อเร็วๆนี้เกี่ยวกับเรื่องการปฏิรูปการเข้าเมือง หน่วยบริการการวิจัยของสภานิติบัญญัติและสมาคมทนายความคนเข้าเมืองอเมริกันได้เผยแพร่เอกสารเกี่ยวกับการไม่อนุญาตให้เข้าเมืองตามกฎหมายซึ่งเป็นที่ถกเถียงกันในประเด็นของการปฏิรูปคนเข้าเมือง เอกสารอ้างอิงจากการตีพิมพ์โดยหน่วยบริการการวิจัยของสภานิติบัญญัติและสมาคมทนายความคนเข้าเมืองอเมริกัน
ตัวบทกฎหมายนี้มีวัตถุประสงค์ในการที่จะปฏิรูปการเข้าเมืองในมุมมองที่นอกเหนือจากชาวต่างชาติซึ่งมีการบัญญัติเมื่อปี 1990 ชาวต่างชาติที่ประสงค์จะขอวีซ่าต้องเผชิญกับการตรวจสอบการเข้าเมืองโดยเจ้าหน้าที่กงสุลของสหรัฐในต่างประเทศ กระบวนการนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อตรวจสอบผู้ที่ขาดคุณสมบัติในการขอวีซ่าหรือการเข้าเมืองซึ่งมูลเหตุที่ไม่สามารถเข้าเมืองได้เป็นไปตามพระราชบัญญัติว่าด้วยสัญชาติคนเข้าเมือง (INA)หลักเกณฑ์ต่างๆได้แก่ ข้อมูลด้านสุขภาพ ประวัติอาชญากรรม ประวัติที่เกี่ยวกับความมั่นคง การก่อการร้าย ความสงบสุขของประเทศ เช่น ความขัดสน การหางานโดยไม่ได้รับใบอนุญาตแรงงาน การเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายและการละเมิดกฎหมายคนเข้าเมือง การขาดคุณสมบัติในการถือสัญชาติ และคนต่างด้าวที่ถูกเนรเทศออกไป หลายปีที่ผ่านมา สภานิติบัญญัติยังคงยึดหลักการเดิมในการที่จะไม่อนุญาตให้เข้าเมือง กฎหมายสองฉบับที่บังคับใช้เป็นปีที่ 110 สภานิติบัญญัติยังคงยึดนโยบายเดิมในการกีดกันคนต่างด้าวที่เป็นสมาชิกของการก่อการร้าย
การก่อการร้ายเป็นปัจจัยสำคัญที่เจ้าหน้าที่รัฐของอเมริกาได้เชื่อมโยงถึงองค์กรต่างๆที่เกี่ยวกับการเข้าเมืองและการเดินทางมายังสหรัฐอเมริกา ความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยของประเทศเป็นประเด็นสำคัญสำหรับเจ้าหน้าที่กงสุลและคนเข้าเมืองอเมริกัน อ้างถึงการเผยแพร่ข้อความที่กล่าวถึงแล้ว ดังนี้
ปีที่ 110ของสภานิติบัญญัตินั้นมีประเด็นของการไม่ให้เข้าเมืองของประเด็นเรื่องของสุขภาพกลับมาอีกครั้งคือเรื่องของผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวี หรือเอดส์ เมื่อเร็วๆนี้มีประเด็นในเรื่องการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์เอช 5 เอ็น 1 ซึ่งก็กลายเป็นประเด็นหนึ่งที่คัดกรองในด่านคนเข้าเมือง มีคำถามมากมายเกี่ยวกับความรับผิดชอบต่อสังคมในเรื่องการเข้าเมืองที่เกี่ยวกับบริบททางด้านสุขภาพและแผนการประกันสุขภาพของเยาวชนในปีที่ 111ของสภานิติบัญญัติ
ไข้หวัดใหญ่เป็นประเด็นทางด้านสุขภาพที่มีการตระหนักถึงเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับการเพิกถอน โรคเอดส์ออกจากรายชื่อโรคที่ไม่สามารถเข้าเมืองได้ให้กลายเป็นสามารถเข้าเมืองได้หลังจากที่ผู้ที่ติดเชื้อเอดส์ไม่สามารถที่จะเข้าสหรัฐอเมริกาได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ประเด็นนี้เป็นเรื่องที่ร้ายแรงในหมู่ของเพศที่สาม เลสเบี้ยน เกย์ ไบเซ็กชวล (LGBT) ในฐานะที่เชื้อเอชไอวีและเชื้อเอดส์ดูเหมือนว่าจะเป็นประเด็นที่มีผลกระทบต่อกลุ่มคนหรือคู่ในหมู่รักร่วมเพศ รายงานนี้เป็นประเด็นที่เกี่ยวเนื่องกับการอภิปรายเรื่องการร่างกฎหมายเพื่อการปฏิรูปการเข้าเมือง
ในขณะที่การเปลี่ยนแปลงเหตุที่จะไม่สามารถเข้าเมืองได้นั้นไม่เป็นที่ปรากฎ ผู้ที่สนับสนุนการปฏิรูปการเข้าเมืองอาจจะมองหาทางที่จะยกเลิกบทบัญญัติบางมาตราในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของข้อเสนอในการร่างกฎหมายเพื่อการปฏิรูปการเข้าเมือง บทบัญญัติที่ให้ชาวต่างด้าวผู้ที่ไม่สามารถเข้าเมืองสหรัฐอเมริกาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ตัวอย่างเช่น อาจจะได้รับการระงับไว้ชั่วคราวในส่วนหนึ่งของการร่างกฎหมาย ต้องมีเหตุผลที่หนักแน่นสำหรับการไม่สามารถเข้าเมืองได้ ในทางกลับกันอาจจะเป็นส่วนหนึ่งของแผนงานการร่างกฎหมายในหมู่ของผู้ที่สนับสนุนนโยบายการปฏิรูปการเข้าเมืองที่เข้มงวด
ทุกๆปีนั้นจะมีผู้คนจำนวนมากที่ไม่สามารถเดินทางเข้าประเทศสหรัฐอเมริกาได้ ท่ามกลางการที่ไม่สามารถเข้าเมืองได้นั้นผู้ที่ไม่สามารถเข้าเมืองได้จะหาทางแก้ไขในการเลือกที่จะขอยกเว้นสิทธิผ่านทาง I-601 หรือ I-212โดยการขออนุญาตล่วงหน้าที่จะเดินทางเข้าไปยังสหรัฐอเมริกาอีกครั้งหนึ่ง สำหรับผู้ที่ไม่สามารถเข้าเมืองได้และไม่สามารถที่จะขอยกเว้นสิทธิได้อย่างไม่เป็นทางการซึ่งถูกกีดกันจากสหรัฐอเมริกา สิ่งที่พึงระลึกไว้คือ การที่ไม่สามารถเข้าเมืองได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายนั้นยังคงมีทางแก้ไขคือ การขอยกเว้นสิทธิ อาจกล่าวได้ว่า ขั้นตอนการยกเว้นสิทธิและมาตรฐานในการตรวจสอบการได้รับการยกเว้นสิทธินั้นค่อนข้างที่จะยุ่งยาก ด้วยเหตุผลดังกล่าว คู่สองสัญชาติหลายๆคู่เลือกที่จะใช้บริการทนายความคนเข้าเมืองอเมริกันเพื่อที่จะช่วยดำเนินการในเรื่องเกี่ยวกับการเข้าเมืองอเมริกัน สิ่งที่ควรกระทำคือการตรวจสอบความน่าเชื่อถือในการเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านกฎหมายคนเข้าเมืองอเมริกา เนื่องจากว่าทนายความอเมริกันที่ได้รับอนุญาตเท่านั้นที่มีสิทธิที่จะให้คำแนะนำ คำปรึกษาและเป็นตัวแทนในการจัดการเรื่องก่อนที่จะเข้าไปสู่ขั้นตอนของหน่วยบริการคนเข้าเมืองและพลเมืองสหรัฐอเมริกา (USCIS) กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ และหน่วยงานของสหรัฐอเมริกา
To view this information in English please refer to the previous posting on this blog.
7th August 2010
Federal Court Finds California’s Same Sex Marriage Ban UnConstitutional
Posted by : admin
This blog frequently discusses topics related to LGBT rights and United States Immigration. At the time of this writing, the Defense of Marriage Act (DOMA) creates a legal bar upon immigration rights for same sex couples as opposed to different-sex couples who may receive US Immigration benefits based upon a marital relations ship (US Marriage Visa) or an intended marital union in the United States (Fiance Visa). In recent months, there have been many developments which are leading many to believe that a repeal of DOMA will likely come soon. In a recent posting on the Immigration Equality blog that author noted a recent California Court decision which upheld same sex couples’ right to marry in the State of California:
In a recent Massachusetts Federal Court decision a Judge held that the Federal government’s failure to recognize a duly formalized same sex marriage in Massachusetts was unconstitutional. However, there will not likely be any practical effect of this decision in the near term as that Judge placed a stay on his Judgment pending appeal. As the above quote noted, there will likely be a stay on this decision, at least for immigration purposes, until a higher court decides the outcome of the case on appeal. That said, the following is quoted from a recent press release from UPI:
“SAN FRANCISCO, Aug. 6 (UPI) — Same-sex marriage backers filed court motions Friday urging a judge to allow such marriages in California immediately while his ruling in the case is appealed.
U.S. District Chief Judge Vaughn R. Walker has said he would issue a ruling on the matter after he reviews written arguments submitted by proponents and opponents of same-sex marriage, the Los Angeles Times reported.
California Gov. Arnold Schwarzenegger and Attorney General Jerry Brown submitted arguments urging the judge to authorize same-sex marriages during the appeal process. Schwarzenegger noted the state performed about 18,000 same-sex marriages before the practice was banned with the November 2008 voter approval of Proposition 8.
“Government officials can resume issuing such licenses without administrative delay or difficulty,” the governor’s office said in its submission to the court.
Brown, the Democratic nominee for governor in the November election, argued in writing there is “the potential for limited administrative burdens should future marriages of same-sex couples be later declared invalid” but he said “these potential burdens are outweighed” by the constitutional rights Walker spoke of in his ruling that Proposition 8 violated the U.S. Constitution.
Lawyers for Proposition 8 backers argued same-sex marriages performed in California before the case is heard by the U.S. Supreme Court would be at risk of instability.”
Although the recent decision may not have an immediate direct impact on LGBT Immigration rights, if the Judge grants same sex couples the right to marry in California while the case is pending appeal it would provide a large number of couples with an opportunity to solemnize a marital relationship.
How this issue will ultimately be resolved remains to be seen. However, this issue is quickly becoming a major focal point for interpretation of legal doctrines such as Federalism, States’ Rights, and Substantive Due Process. Ultimately, all of the issues associated with same sex marriage and Same Sex Visa Benefits may need to be adjudicated by the United States Supreme Court.
The hiring of a lawyer is an important decision that should not be based solely on advertisement. Before you decide, ask us to send you free written information about our qualifications and experience. The information presented on this site should not be construed to be formal legal advice nor the formation of a lawyer/client relationship.