Integrity Legal
- Legal Blog
- Integrity Legal Home
- Thai Visa
- Company in Thailand
- Real Estate Thailand
- US Visa
- Contact Us
Posts Tagged ‘LGBT’
26th August 2013
กระทรวงมหาดไทยของสหรับฯ ชี้แจงเรื่องการขอวีซ่าของคู่สมรสเพศเดียวกัน
Posted by : admin
จากการเขียน Blog ครั้งก่อนเรื่องข้อสงสัยเกี่ยวกับการขอย้ายถิ่นที่อยู่ของคู่สมรสเพสเดียวกันนั้น ขาฯได้พบคำตอบเกี่ยวกับหัวข้อดังกล่าวจากกระทรวงมหาดไทยของสหรัฐฯ ดังนี้:
Q: คำตัดสินของศาลสูงเรื่องคดี Windsor vs. United States มีผลกระทบต่อกฎหมายคนเข้าเมืองอย่างไร?
A: ศาลสูงตัดสินว่า Section 3 ของ DOMA นั้น ขัดต่อรัฐธรรมนูญ จากนี้ไป สถานเอกอัครราชฑูตและสถานกงศุลของสหรัฐฯ จะปฎิบัติต่อการขอวีซ่าของคู่สมรสเพศเดียวกัน ในวิธีการเดียวกับคู่สมรสต่างเพศ นอกจากนี้ คู่สมรสเพศเดียวกันที่จะเดินทางเข้าสหรัฐเพื่อ – งาน การศึกษา หรืออื่นๆ – จะขอวีซ่าเหล่านั้นได้เช่นกัน รวมถึงลูกติดของคู่สมรสเพศเดียวกันด้วย
ตามที่เคยสนทนาใน Blog นี้ การที่ศาลลงความเห็นว่า Section 3 ของ DOMA นั้นขัดต่อรัฐธรรมนูญ ส่งผลให้ผู้ที่เป็นคนถือสัญชาติอเมริกันสามารถยื่นขอผลประโยชน์ทางการเข้าเมืองให้คู่สมรส (หรือคู่หมั้น) เพศเดียวกัน กระทรวงมหาดไทยของสหรัฐซึ่งรับผิดชอบเรื่องการออกวีซ่า ยังต้องทำการแจ้งข้อมูลเบื้องต้น ทางกระทรวงมหาดไทยของสหรัฐได้จัดระบบให้สอดคล้องกับการตัดสินของศาลสูงเรียบร้อยแล้ว
Q: ข้ฯต้องอาศัยอยู่ในรัฐที่ออกกฏหมายยอมรับคู่สมรสเพศเดียวกันหรือไม่เพื่อที่จะขอวีซ่าเข้าเมือง
A: ไม่จำเป็น หากท่านได้จดทะเบียนสมรสในรัฐหรือประเทศที่ยอมรักการจดทะเบียนสมรสของคู่สมรสเพศเดียวกัน ถือว่าทะเบียนสมรสนั้นถูกต้องสำหรับประกอบการยื่นขออนุญาตเข้าเมือง (โปรดอ่านข้อมูลเพิ่มเติมใน Website ของ USCIS – ในหัวข้อ – Citizenship and Immigration Services)
เนื่องจากเขตปกครองของสหรัฐที่ยอมรับการสมรสระหว่างคนเพศเดียวกันนั้นมีไม่มาก และมีหลายรัฐที่ห้ามให้มีการสมรสระหว่างคนเพศเดียวกันนั้น จึงมีข้อสงสัยมากมายทั้งในวงของนักกฎหมายและของคู่สมรสเหล่านั้นด้วย ใน Blog ที่ข้าฯ ได้เขียนก่อนหน้านี้ ข้าฯได้ยืนยันแล้วว่าความถูกต้องขึ้นอยุ่กับ “รัฐที่ได้ทำการจดทะเบียน” นั่นคือ USCIS จะรับรองการยื่นขอย้ายถิ่นที่อยู่ของคู่สมรสเพศเดียวกันก็ต่อเมื่อการจดทะเบียนได้จดในรัฐที่ยอมรับการจดทะเบียนประเภทนี้ นอกจากนี้ ดูเหมือนว่ากระทรวงมหาดไทยของสหรัฐฯก็มีนโยบายที่คล้ายกันคือ จะอนุมัติการขอวีซ่าของคู่สมรสเพศเดียวกัน ต่อเมื่อ USCIS ได้อนุมัติการเข้าเมืองของคู่ดังกล่าว แต่อาจมี่เขตปกครองบางเขต ที่อาจยอมรับการครองเรือนของคนเพศเดียวกัน แต่อาจไม่ถือเป็นการสมรส ซึ่งทางกระทรวงมหาดไทยของสหรัฐฯกล่าวว่า:
Q: ข้าฯอยู่ร่วมกันกับคูคนเพศเดียวกัน เราจะได้รับสิทธิเหมือนคู่ที่ทำการสมรสหรือไม่
A: ณ. เวลานี้ การขอย้ายถิ่นที่อยู่ จะอนุมัติให้เฉพาะบุคคลที่จดทะเบียนสมรสอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
ถึงแม้คำตอบจะดูชัดเจนแล้ว มีหลายคู่อาจมีข้อสงสัยเพิ่มเติมคือ:
Q: ข้าฯถือสัญชาติอเมริกันและมี่คู่หมั้นต่างชาติที่เป็นคนเพสเดียวกันกับข้าฯ แต่ไม่สามารถทำการจดทะเบียนสมรสในประเทศของคู่หมั้น เรามีทางเลือกอย่างไรบ้าง? เราสามารถขอ K-Visa (วีซ่าคู่หมั้น) ได้หรือไม่?
A: คุณสามารถยื่น Form I-129f และขอวีซ่าคู่หมั้น (K-1) หากคุณสมบัติครบตามข้อกำหนดของการขอเข้าเมือง การที่เป็นการหมั้นระหว่างคนเพสเดียวกัน อาจอนุมัติให้ใช้เพื่อเข้าไปจดทะเบียนสมรสในสหรัฐฯ หากต้องการขอข้อมูลเรื่องการปรับสถานะ อ่านได้ใน Website ของ USCIS:
ในเมื่อในเวลานี้ คู่สมรสต่างเพศสามารถยื่นขอ K1 วีซ่า ได้ จึงมีความน่าจะเป็นที่คู่หมั้นที่มีเพศเดียวกันน่าจะยื่นขอ US fiance visa ได้เช่นกัน หากมีความตั้งใจที่จะไปจดทะเบียนสมรสในเขตปกครองที่อนุญาตการจดทะเบียนสมรสระหว่างคนเพศเดียวกัน
อีกประเด็นที่อาจมีข้อสงสัยคือการออก Non-immigrant visa (NIV) วีซ่าประเภทนี้ไม่ได้ไม่ได้อนุญาตให้ผู้ถือเปลี่ยนสถานะเป็นผู้ย้ายเข้าเมือง ทางกระทรวงมหาดไทยได้ให้รายละเอียดดังนี้สำหรับการออก NIV ให้กับคู่สมรสเพศเดียวกันว่า:
Q: คู่ที่เป็นเพศเดียวกันสามารถขอวีซ่าประเภทเดียวกันหรือไม่?
A: ได้ ณ. เวลานี้ คู่สมรสเพศเดียวกันพร้อมลูกสามารถยื่นขอวีซา NIV ได้ คู่ครองเพศเดียวกันและลูก (ถือเป็นลูกเลี้ยงของผู้ยื่นหลัก หากจดทะเบยนสมรสก่อนเด็กอายุครบ ๑๘ ปีบริบูรณ์) ก็ สามารถรับสิทธิขอวีซ่า NIV ถ้ากฎหมายอนุมัติวีซ่าให้ แต่เอกสารเพิ่มเติมคงไม่มีการเปลี่ยนแปลง เช่นเดียวกับการขอให้คู่สมรสเพศเดียวกัน [italics added]
Q: คู่สมรสต่างชาติของข้าพเจ้ามีบุตร ข้าพเจ้ายื่นคำขอพร้อมกับคู่สมรสได้หรือไม่?
A: ได้ บุตรของคู่สมรสต่างชาติจะถือเป็น”ลูกเลี้ยง” ของผู้ถือสัญชาติอเมริกันจึงสามารถรับสิทธิในกลุ่ม IR2 แต่ต้องจดทะเบยนสมรสก่อนเด็กอายุครบ ๑๘ ปีบริบูรณ์
แน่นอน ทางกระทรวงมหาดไทยของสหรัฐฯ ได้อนุมัติให้ลูกเลี้ยงคนคนถือสัญชาติอเมริกันย้ายเข้าเมืองในกรณีที่ คู่สมรสเพศเดียวกันจดทะเบียนสมรสก่อนเด็กอายุครบ ๑๘ ปีบริบูรณ์ ดังนั้น น่าจะเป็นที่เข้าใจว่าเด็กที่กำลังจะเป็นลูกเลี้ยงของคนถือสัญชาติอเมริกันที่ขอวีซ่าประเภทคู่หมั้นคือ K-2 visa เพื่อทำการสมรสในสหรัฐฯ
หากท่านต้องการข้อมูลจาก Website หาได้ที่: วีซ่าคู่เพศเดียวกัน
24th August 2013
หลังจากการที่ศาลตัดสินคดี Windsor ที่มีการอ้างว่า ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มีคู่รักเพศเดียวกันหลายคู่ มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการอพยพเข้าเมืองของสหรัฐ ทาง USCIS และกระทรวงมหาดไทยของสหรัฐฯ เคยตอบคำถามเรื่องนี้มามากแล้ว และผมเคยปรึกษาหารือเรื่องคำตอบเหล่านี้ ใน Blog นี้มาก่อน แต่กระผมได้สังเกตว่า USCIS ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องนี้ใน website ของ USCIS:
Q1: ข้าฯ เป็นพลเมืองของสหรัฐ หรือเป็นผู้อาศัย (Permanent Resident) และมีคู่สมรสของข้าฯ เป็นคนเพศเดียวกันและเป็นคนต่างชาติ ขาฯ สามารถรับรองการขอ VISA ย้ายถิ่นที่อยู่ให้กับคู่ของข้าฯ ได้หรือไม่ ? (ใหม่)
A1: ได้ ท่านสามารถยื่นแบบ Form I-130 (และเอกสารอื่น ๆ) สิทธิในการขอย้ายที่อยู่จะพิจารณาตัดสินตามกฎต่างๆ ของการเข้าเมือง และจะไม่ใช้ความเป็นคู่สมรสเพศเดียวกันมาเป็นตัวแปรในการตัดสิน
นอกจากนี้คนอเมริกันหรือ Permanent Resident สามารถยื่นคำขอ คือ IR 1 Visa, CR 1 Visa หรือตัวเสริมคือ K3 Visa เพื่อให้คู่สมรสเข้าเมือง นอกจากนี้ เมื่อยื่นขอ Visa ที่สถานฑูตหรือสถานกงศุลของสหรัฐฯ การพิจารณาการขอ Visa จะพิจารณาเช่นเดียวกับ การพิจารณาการขอ Visa ของคู่สมรสต่างเพศ
ประเด็นที่หลายคู่สงสัย คือ ข้อแตกต่างระหว่างรัฐที่อาศัยอยู่กับรัฐที่จดทะเบียยนสมรส เพราะมีไม่กี่รัฐที่อนุญาติให้คนเพศเดียวกันจดทะเบียนสมรส ในขณะที่บางรัฐไม่ยอมรับการสมรสระหว่างเพศเดียวกัน และอาจะไม่อนุญาติให้จดทะเบียน USICS ได้อธิบายเพิ่มเติมในประเด็นนี้:
Q3: ข้าฯ และคู่สมรสได้จดทะเบียนในรัฐ ในสหรัฐฯ หรือในประเทศที่ยอมรับ การสมรสระหว่างคนเพศเดียวกัน แต่เราอาศัยในรัฐที่ไม่อนุญาติให้จดทะเบียนสมรส ข้าฯ สามารภยื่นขอให้คู่ครองย้ายเข้าเมืองได้หรือไม่
A3: ได้เพราะ สถานภาพการสมรส จะพิจารณาจากรัฐที่ได้ทำการจดทะเบียน หากกฎหมายของรัฐนั้นอนุญาตให้ คนเพศเดียวกันจดทะเบียนสมรสได้ ถือว่าเป็นการจดทะเบียนที่ถูกต้องตามกฎหมาย แล้วใช้ในการประกอบการพิจารณา การขอย้ายเข้าเมืองได้
อาจมีบางกรณีที่จะมีผลทำให้ กฎหมายของที่อาศัยมีผลต่อบางประเด็น แต่โดยรวมแล้ว ทาง USCIS จะนำกฎหมายของรัฐที่คู่สมรสได้ดำเนินการจดทะเบียน มาใช้ในการพิจารณาการขอย้ายถิ่นที่อยู่
นอกจากนี้ ข้าฯ ก็ไม่เคยได้ยินว่า Section 2 ของ DOMA จะขัดต่อรัฐธรรมนูญ ดูด้จากคำอธิบายต่อไปนี้:
Q5: Form I-130 หรือคำขออื่นๆได้ถูกปฎิเสธโดยอ้างกฎของ DOMA เพียงอย่างเดียว ข้าฯ ควรทำอย่างไรต่อ?
A5: USCIS จะนำคำขอที่ถูกปฎิเสธเพราะ DOMA Section 3 มาพิจารณาอีกรอบ ถ้าหากมีข้อมูลเรื่องธุรกรรมเหล่านี้ USCIS จะนำคำตัดสินมาพิจารณาอีกครั้ง ซึ่งจะปฎิบัติเช่นนี้กับทุกกรณีที่ได้รับการปฎิเสธ ใน Form I-130 (เช่น Form I-485 ที่นำยื่นในเวลาเดียวกัน)
- USCIS จะนำ Form I-130 ที่ได้รับการปฎิเสธเนื่องจาก DOMA Section 3 หลัง 23 กพ. 2011 มาพิจารณาอีกรอบ และ USCIS จะติดต่อไปยังผู้ยื่นคำขอโดยใช้ที่อยู่ในใบคำขอ เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติม
- หากคุณได้มีคำขอที่ได้รับการปฎิเสธ เนื่องด้วย กรณีดังกล่าวข้างต้น คุณสามารถส่ง email ส่วนตัว (ที่สามารถรับคำตอบได้) ไปยัง USCIS <[email protected]> เพื่อแจ้งการร้องเรียน ทาง USCIS จะตอบอีเมล์แล้วขอข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อประกอบการพิจารณา
- ถ้าหากการปฎิเสธ คำขอ I-130 เกิดขึ้นก่อน 23 กพ. 2011 กรุณาแจ้ง USCIS ก่อน 31 มีค. 2014 เพื่อให้ USCIS ดำเนินการเปิด I-130 ของคุณ กรุณาแจ้งจำนงไปยัง < [email protected] > โดยเขียนว่า ทางคุณมีข้อสงสัยว่า การยื่นคำขอของคุณได้รับการปฎิเสธเพราะ DOMA Section 3
พอทางการเริ่มพิจารณา I-130 ของท่าน จะเสมือนเป็นการพิจารณาใหม่โดยไม่คำนึงถึง DOMA Section 3 แล้วจะพิจารณาตามข้อมูลเก่า และข้อมูลเพิ่มเติม ในเวลาเดียวกัน USCIS จะนำคำขออื่นๆ มาพิจารณาตามความจำเป็น หากคำขอเหล่านั้น ถูกปฎิเสธ เนื่องจากการปฎิเสธ I-130 (เช่น Form I-485 เป็นต้น)
นอกจากนี้การขออนุญาติทำงานที่ถูกปฎิเสธเนื่องจากการปฎิเสธ Form I-48S ก็จะนำมาพิจารณาต่อ และจะออกใบอนุญาติทำงานหากอนุมัติ หากการตัดสินเกิดการล่าช้า USCIS จะ (1) ยื่นเรื่องใหม่ทันที หรือ (2) พิจารณาและอนุมัติคำขอที่เคยถูกปฎิเสธ
- หากมี form อื่นๆ (นอกจาก I-130) ที่ได้รับการปฎิเสธเรื่องจาก DOMA section 3 กรุณาแจ้ง USCIS ก่อน 31 มีค. 2013 โดยส่ง email ไปยัง <[email protected]>
จะไม่มีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นในการร้องขอให้ USCIS นำคำขอมาพิจารณาใหม่ แต่หากท่านต้องการยื่นคำขอใหม่ ท่านสามารถทำได้พร้อมจ่ายค่าธรรมเนียม ตามที่แจ้งได้
USCIS จะดำเนินธุรกรรมตามกฎและนโยบายของศาลสูง ซึ่งการนำใบสมัครของคู่สมรสที่มีเพศเดียวกันมาพิจารณาอีกรอบ ชี้ให้เห็นว่า ทางองค์กรมุ่งที่จะส่งเสริมความเท่าเทียมของครอบครัวทุกประเภท
หากท่านต้องการข้อมูลจาก Website หาได้ที่: วีซ่าคู่เพศเดียวกัน
4th July 2011
It recently came to this blogger’s attention that many developments have been taking place with respect to same sex marriage and the legal recognition thereof. It would appear as though many different organs of the United States government have taken a rather positive stance on LGBT Equality. In order to better expound upon these events it may be prudent to quote directly from the official website of the New York Times, NYTimes.com:
Last month, with almost no fanfare, the federal government did a very decent thing: It canceled the deportation of a Venezuelan man after he married an American man in Connecticut and claimed legal residency as a spouse. But the government did not say that it was formally recognizing their marriage, because it cannot. The Defense of Marriage Act, which ranks with the most overtly discriminatory laws in the nation’s history, remains on the books, prohibiting federal recognition of legal same-sex marriages… The Defense of Marriage Act was enacted in 1996 as an election-year wedge issue, signed by President Bill Clinton in one of his worst policy moments. Any Congress with a real respect for personal freedom would repeal it. That, of course, does not describe the current Congress, where many members talk a great deal about freedom but apply it mainly to businesses and gun owners. With legislative repeal not on the horizon, the best hope for ending this legalized bigotry is with the courts. Last year, a federal judge in Massachusetts said the law’s definition of marriage as only between a man and a woman violated the equal-protection provisions of the Constitution. In June, a federal bankruptcy court in California said the law was unconstitutional. Other cases have been filed in New York and Connecticut, and the Justice Department, having agreed that the marriage definition is unconstitutional, has refused to defend it in those court cases. (The House hired its own lawyer to defend the law.)
The administration of this web log asks readers to click upon the relevant hyperlinks noted above to read this insightful story in detail.
This blogger would also note that there is one seemingly barely reported aspect of the debate which centers upon the issue of federal recognition of same sex marriages legalized and/or solemnized in one of the American jurisdictions which permit such unions. This under reported issue is that of States’ Rights. Although it may not seem immediately pertinent, the issues associated with the sovereign American States’ rights to legalize and/or solemnize marriage within their respective jurisdictions may very well be a central issue to be analyzed with respect to adjudication of the Constitutionality of the so-called “Defense of Marriage Act” (DOMA). There are some who would argue that failure on the part of the United States Congress to provide a framework to grant Full Faith and Credit to same sex marriages might be in violation of the provisions of the Full Faith and Credit Clause of the United States Constitution. As of the time of this writing, however, the United States federal government continues to refuse recognition of same sex marriage pursuant to DOMA.
Bearing the above in mind, it should be noted that it would appear as though this issue is still evolving within the American political zeitgeist as it was recently pointed out that the American President has had some discussions regarding this issue. To quote directly from the official website of the Financial Times, FT.com:
A calculating Washington operative might construe Barack Obama’s continued reluctance to support same-sex marriage as a clever strategic ploy to maximise votes as the 2012 presidential election race gets under way… At a Gay Pride reception at the White House on Wednesday, just five days after New York became the seventh jurisdiction in the US to allow same-sex weddings, Mr Obama trumpeted his achievements: winning the repeal of the Don’t Ask, Don’t Tell policy that bans gays and lesbians from serving openly in the military, and ordering the justice department to stop defending the law that bans federal recognition of same-sex marriages. Gays and lesbians deserve to be “treated like every other American”, Mr Obama said. But the president, who backs civil unions for same-sex couples and last December said his views on gay marriage were “evolving”, still declined to back gay marriage. This dichotomy – being the most progressive president to date on gay issues, but not progressive enough for marriage equality – has disappointed many liberal voters…
This blogger asks readers to click upon the appropriate hyperlinks above to read more from this interesting posting.
Although the President’s views on same sex marriage are “evolving” it remains to be seen when such evolution will result in tangible benefits for the LGBT community. One of the significant ramifications of the current application of DOMA is the fact that this legislation’s enforcement drives bi-national same sex couples geographically apart. Notwithstanding the rescinded deportation noted above, DOMA remains in force and so long as that legislation remains in force there will be same sex bi-national couples who remain separated. Some American legislators such as Representative Jerrold Nadler and Representative Mike Honda have introduced legislation such as the Uniting American Families Act (UAFA), the Reuniting Families Act, and the Respect for Marriage Act. This legislation would, to one degree or another, ameliorate some of the discrimination currently being endured by the LGBT community in America. However, as of this posting, such legislation has yet to be enacted. It should be interesting to see if such legislation will see passage in the weeks and months ahead.
For related information please see: US Visa Thailand.
18th June 2011
It recently came to this blogger’s attention that the Governor of the sovereign State of New York, Andrew Cuomo, has proposed a bill which would provide same sex marriage benefits to those within that jurisdiction. To provide further insight on this issue it may be best to quote directly from a posting by Jay Kernis in which lawyer Evan Wolfson of the organization Freedom To Marry was interviewed on the official website of CNN, CNN.com:
On Tuesday, New York Governor Andrew Cuomo submitted a bill to bring marriage equality to New York State. What does the The Marriage Equality Act permit to happen? If passed by the Republican-controlled Senate and Democrat-controlled Assembly and signed into law by the Governor, the marriage bill will secure for committed same-sex couples the freedom to marry – with the same rules, same responsibilities, and same respect. It will more than double the number of Americans living in a state where gay couples can marry – from 16 million to 35 million. And it will permit more families to strengthen their love and commitment and ability to care for one another, while taking nothing away from anyone else…
Readers are encouraged to click upon the appropriate hyperlinks noted above to learn more details about these issues.
As frequent readers of this blog may be aware, the issue of same sex marriage is of concern for the LGBT community, especially those same sex bi-national couples who are currently separated pursuant to application of the so-called “Defense of Marriage Act” (DOMA) which effectively precludes same sex bi-national couples from receiving the same visa benefits as their different sex counterparts. Meanwhile, efforts have been made on behalf of the LGBT community by legislators such as Representative Jerrold Nadler and Representative Mike Honda who have introduced federal legislation such as the Uniting American Families Act (UAFA), the Respect for Marriage Act, and the Reuniting Families Act. As of the time of this writing none of this legislation has seen passage in the United States Congress.
The issue of same sex marriage may also be important in an intraState context as there are many benefits for couples who are married. To quote further from the aforementioned posting:
[M]arriage is a system – it brings clarity, security, and tangible and intangible protections as couples move from state to state, interact with employers or businesses, or deal with the federal government…
Truer words have never been written. The institution of marriage is important as it provides concrete evidence of a given couple’s relationship and also may lead to other types of benefits. This blogger would argue that one of the main benefits of a State licensed same sex marriage is the fact that such a union should be accorded Full Faith and Credit pursuant to the United States Constitution provided that such a union occurs within a State which legalizes and solemnizes such unions. At present, the federal government, through enforcement of DOMA, does not recognize same sex marriages for purposes of according legal benefits, but there are currently two pending lawsuits which arose in the sovereign Commonwealth of Massachusetts and sovereign State of California that could overturn this policy. However, as of the time of this writing, such developments remain to be seen.
For related information please see: Full Faith and Credit Clause.
15th June 2011
US Court Rules Recusal By Proposition 8 Judge Unnecessary
Posted by : admin
It recently came to this blogger’s attention that the United States judicial system recently played host to a proceeding in which the issue of judicial recusal was discussed in the context of a recent case upholding the Constitutionality of same sex marriage in the sovereign State of California. To provide further insight into these developments it may be best to quote directly from the official website of the Associated Press, AP.org:
SAN FRANCISCO (AP) — A federal judge has a message for those trying to salvage California’s gay marriage ban: Sure, the judge who threw out the measure last year is in a long-term relationship with a man, but he could still be fair to them. Chief U.S. District Court Judge James Ware’s ruling Tuesday rejected arguments that former Chief Judge Vaughn Walker would potentially benefit from declaring the ban unconstitutional…
The administration of this web log encourages readers to click upon the relevant hyperlinks noted above to read this story in detail.
For those unfamiliar with the current plight of the LGBT community in the United States it should be noted that the currently enforced provisions of the so-called “Defense of Marriage Act” (DOMA) preclude same sex couples, including same sex bi-national couples, from acquiring the same legal and/or equitable benefits as their different sex counterparts. This issue arises in the context of American immigration in that same sex married couples, even those married in one of the sovereign American States which allow such unions, cannot obtain American visa benefits. Recently, legislators such as Representative Jerrold Nadler and Representative Mike Honda have introduced legislation such as the Respect for Marriage Act, the Uniting American Families Act, and the Reuniting Families Act which are intended to rectify this discrimination to one degree or another. That stated, it is this blogger’s opinion that this issue may ultimately be resolved by the US Courts. With that in mind, the following was quoted directly from the aforementioned article:
In his 19-page decision – a response to the first attempt in the nation to disqualify a judge based on sexual orientation – Ware had a bigger message. Gay judges, he said, are just like minority and female jurists: They can be impartial, too, even in cases that might affect them. “We all have an equal stake in a case that challenges the constitutionality of a restriction on a fundamental right,” he wrote. “The single characteristic that Judge Walker shares with the plaintiffs, albeit one that might not have been shared with the majority of Californians, gave him no greater interest in a proper decision on the merits than would exist for any other judge or citizen…
This decision is significant for the LGBT community as it elucidates the notion that one’ sexual orientation is not necessarily a bar to impartial decision making. Although the decision in this case does not go to the heart of the struggle for LGBT equality, it does provide a glimmer of hope for LGBT couples that further positive developments may lie ahead.
For related information please see: Proposition 8 or Full Faith and Credit Clause.
13th June 2011
The Respect For Marriage Act And The Notion Of “Certainty”
Posted by : admin
It recently came to this blogger’s attention that issues surrounding same sex marriage have recently been analyzed by mainstream media outlets. To shed light upon this development further it may be best to quote directly from an insightful article written by Tara Siegel Bernard on the official website of the New York Times, NYTimes.com:
“There is the possibility that, even without DOMA on the books at all, that a married same-sex couple might not be treated as married by the federal government as to some particular program, benefit or obligation because of simply how the particular federal program determines eligibility in looking to state law to see if a person is married or not,” said Gary Buseck, legal director of Gay & Lesbian Advocates & Defenders…But legislators have come up with a fix. The Respect for Marriage Act, which was introduced in both the House and Senate in March, repeals the Defense of Marriage Act and also includes a provision — known as “certainty” — that says marriages that are valid in the state where the couple got married will be recognized in other states for the “purposes of any federal law in which marital status is a factor…”
The administration of this blog strongly recommends that readers click upon the relevant hyperlinks noted above to learn more.
In previous postings on this web log it has been pointed out that the ramifications of the so-called “Defense of Marriage Act” (DOMA) are such that discrimination results for same sex bi-national couples as well as the LGBT community at large. In recent years, legislators such as Representative Jerrold Nadler and Representative Mike Honda have introduced legislation such as the Uniting American Families Act (UAFA), the Reuniting Families Act, and the Respect for Marriage Act. The Respect for Marriage Act would seem to have been designed in order to deal with some of the more glaring separate sovereignty issues that arise in the context of intraState, interState, and State-Federal recognition of same sex marriage. To expound upon this more it may be best to quote further from the aforementioned article:
Technically speaking, he said, the repeal of the Defense of Marriage Act on its own should be enough for couples to receive federal recognition. But the certainty provision would also protect couples if a less gay-friendly administration interpreted the repeal more narrowly, and only recognized same-sex marriage for couples who lived in states that recognized their marriage. Mr. Moulton said that his organization was still working with members of Congress to build support for the bill, and educating them about “the concrete harms that DOMA has done to same-sex couples…”
For those who read this blog with any frequency it has, no doubt, been noticed that the administration is in opposition to the very existence of DOMA as that legislation infringes upon the sovereign rights of the States and the people to make decisions regarding the licensure of marriage and the maintenance of consensual relationships, respectively. That stated, since DOMA is still “on the books” it currently results in the separation of same sex bi-national couples in an immigration context and discrimination against the LGBT community in a broader sense. This certainty provision noted above is interesting as it pertains primarily to Federal rights and privileges in an interState context. Therefore, if a same sex couple marries in a State which legalizes and/or solemnizes same sex marriage, then the Federal benefits derived therefrom would likely travel with that couple no matter what State they travel to and no matter what Federal benefit they seek. This blogger would argue that perhaps this scenario would already occur pursuant to the privileges and/or immunities clauses, but in this situation it may be best to have some legislative guidance in order to streamline possible future policies pertaining to same sex marriages. As of the time of this writing UAFA, the Respect for Marriage, and the Reuniting Families Act have yet to be adopted, but hopefully, for the LGBT community’s sake, that will change sooner rather than later.
For related information please see: Full Faith and Credit Clause.
4th June 2011
I have sworn on the altar of God eternal hostility against every form of tyranny over the mind of man.
–Thomas Jefferson (3rd President of the United States of America, First Secretary of State [Washington Administration])
Gay rights are human rights.
– Secretary of State Hillary Rodham Clinton (Former First Lady of the United States)
The enumeration in the Constitution of certain rights shall not be construed to deny or disparage others retained by the people.
– 9th Amendment of the United States Constitution, quoted from Wikipedia
The powers not delegated to the United States by the Constitution, nor prohibited by it to the States, are reserved to the States respectively, or to the people.
– 10 Amendment of the United States Constitution, quoted from Wikipedia
It recently came to this blogger’s attention that the Federal Reserve Bank of Richmond located in the sovereign Commonwealth of Virginia has taken political criticism for flying a rainbow flag (traditionally viewed as a flag denoting support for the LGBT community and, for some, their struggle for equal protection under United States law and/or equal recognition of same sex marriage solemnized and/or legalized in one of the sovereign American States, the District of Columbia, or the Federal territories, if applicable). To quote directly from an article by Olympia Meola posted on the official website of the Richmond Times-Dispatch, TimesDispatch.com:
Del. Robert G. Marshall, R-Prince William, is asking the Richmond Federal Reserve Bank to remove the rainbow flag flying below the American flag outside of the building, calling its presence “a serious deficiency of judgment by your organization, one not limited to social issues.” In a letter to Richmond Fed President Jeffrey M. Lacker, Marshall says the homosexual behavior “celebrated” by the bank “undermines the American economy…”
The administration of this web log strongly encourages readers to click upon the relevant hyperlinks noted above to read this story in detail in order to gain further insight into this developing situation.
This blogger must pause this analysis for a moment of personal observation. It is intriguing that Delegate Marshall would seem to be trying to scapegoat some of the blame for recent economic events upon the LGBT, Lesbian, Gay, Bisexual, and Transgender (transsexual, or “third sex“), community. This blogger must retort: how could the LGBT community “undermine” America’s economy? Explain this? Especially since a great deal of economic activity that produces revenue in America comes from married couples trying to make a living, build a home, and start a family. Is it in dispute that marriage and family generate economic benefits for America? If it is not, then the only way the LGBT community could be at fault for some hypothetical economic downturn would seem to arise from the fact that they have not started families (and therefore not generated the concomitant economic activity derived therefrom) due to the fact that they cannot gain the same legal recognition of their relationships in the same way that those in different-sex relationships are able to. This is especially true in the context of same sex bi-national couples as some of these relationships are separated by thousands of miles and jurisdictional boundaries due to the fact that federal enforcement of the so-called “Defense of Marriage Act” (DOMA) does not allow a same sex bi-national couple to petition for the same US visa benefits (such as the CR1 visa or the IR1 Visa, not to mention the K1 visa which is a US fiance visa) in the same manner as a different sex couple. There are currently American federal legislators such as Representative Mike Honda and Representative Jerrold Nadler who have introduced legislation, such as the Reuniting Families Act, the Uniting American Families Act, and the Respect for Marriage Act; which would, to one degree or another, at least end the current discrimination that the bi-national LGBT community faces when trying to reunite with family in the United States of America. Apparently this Federal Reserve Bank was flying this flag pursuant to a request from another organization which appears dedicated to the cause of LGBT equality:
The flag is being flown at the request of PRISM, a Richmond Fed group representing gay, lesbian, bisexual and transgender employees and allies.
This PRISM organization should be commended for their efforts on behalf of the LGBT community, but this blogger must say that he would like to see legislation passed which provides tangible benefits to the LGBT community rather than a gesture from a private corporation which, at least ostensibly, has no role in deciding American policy toward legal recognition of LGBT relationships. Others echoed some of these sentiments, but for what are, in this blogger’s personal opinion, the wrong reasons:
Its presence also prompted mention from Victoria Cobb, president of The Family Foundation in an email release on Wednesday. Although the Federal Reserve is a private entity, it is disappointing to see it participate in this celebration,” she said.
This blogger is always a bit skeptical when a group uses the term “family” when describing themselves as it is usually an indicator that such an organization has its own idea about what the definition of “family” actually is. Concurrently, such organizations are sometimes known to attempt to foist their own paradigm or definition of family upon others who may not necessarily share the same view. Therefore, readers are asked to always conduct their own research on all aspects of such issues in order to form their own well informed opinions.
This blogger must confess that this recent display of support for LGBT equality by the Fed seems a bit disingenuous considering the timing and circumstances. It has recently been reported on some mainstream and alternative media outlets that there are currently worries growing about the state of the American economy. Meanwhile it recently came to this blogger’s attention that the government of China is reported to have diminished their position in United States Treasuries. To quote directly from an article written by Terence P. Jeffrey and posted to the website CNSNews.com:
(CNSNews.com) – China has dropped 97 percent of its holdings in U.S. Treasury bills, decreasing its ownership of the short-term U.S. government securities from a peak of $210.4 billion in May 2009 to $5.69 billion in March 2011, the most recent month reported by the U.S. Treasury. Treasury bills are securities that mature in one year or less that are sold by the U.S. Treasury Department to fund the nation’s debt. Mainland Chinese holdings of U.S. Treasury bills are reported in column 9 of the Treasury report linked here…
Readers are strongly encouraged to click upon the relevant hyperlinks noted above to read this article in full and learn more. This situation is only brought up in the context of this posting to elucidate the fact that the Fed is currently in something of a “pickle”. This news comes upon the heels of recent announcements (noted in a previous posting on this blog) that the USA and China are set to be engaging in cooperative efforts in the context of relations with the Association of Southeast Asian Nations (ASEAN). Clearly, current American relations with China and countries in Southeast Asia are multi-facted and complex so those interested in such topics are encouraged to conduct thorough research before forming opinions on issues associated with American, Chinese, and ASEAN economic policies and relations.
It was recently reported on the website Law.com that the Federal Reserve has come under intense scrutiny from legislators such as Representative Ron Paul for current policies supposedly being maintained by the Fed. To quote directly from an insightful article written by Shannon Green and posted on the website Law.com:
The Congressman criticized the Fed for its reluctance to disclose to the public when banks are unhealthy. Paul said the Fed’s practices of protecting banks’ privacy appears to be at odds with the U.S. Securities and Exchange Commission, which is pushing companies to reveal more information.
Readers are strongly encouraged to click upon the relevant hyperlinks noted above to read this article in full to gain more context.
Whether one agrees or disagrees with positions held by the various members of House of Representatives is not really relevant to the issue of the Fed’s decision to hoist this particular flag at this particular time. Although it is certainly a commendable gesture, this blogger’s response, with all due respect, must be: why so late, and why now? If the Fed is raising the Rainbow flag because they genuinely support LGBT Equality, then great; but if this institution is simply raising this flag because of political expediency or to score some sort of “political points”, then one must ask: why? Hopefully the LGBT community will see their equal rights fully vested soon and this valid grievance will be redressed. In the meantime, this blogger hopes that the American economy will rebound from any relative downturn to find itself more vibrant and dynamic than ever, but some developments take time. For those personally impacted by the current state of affairs: it is hoped that change will come sooner rather than later.
Readers should note that in the context of same sex marriage this blogger feels that fundamentally the issue of LGBT equality is an individual rights issue as the right to enter into a consensual relationship with whomever one wishes is an inalienable natural right reserved to the People notwithstanding the Constitution, but nevertheless enshrined within the provisions of the 9th and 10th Amendments noted above. The implied right of “free association” has also long been held to provide Constitutional protection for Americans wishing to form intimate associations with others. Concurrently, this blogger feels that where sovereign States have heeded the call of their citizenry to provide government licensure of same sex marriages or marital unions, then that licensure acts as an imprimatur of sovereign recognition which, in this blogger’s opinion, cannot be negated by the federal government and must be accorded Full Faith and Credit by sister States within the Union. Those unfamiliar with the Full Faith and Credit Clause should note that Congress can make rules regarding the effect of State law upon other States, but, in this blogger’s opinion, such law cannot be made to render the States’ laws ineffective, which is the current result of the federal government’s application of some, or all, depending upon circumstance; of the provisions of the so-called “Defense of Marriage Act“. This blogger must point out that although same sex couples ought to be able to get Full Faith and Credit for those marriages solemnized and/or legalized in one of the sovereign States of the United States of America, they may not necessarily see States which do not permit same sex marriage in an intrastate context engaging in the legal procedure of divorcing same sex couples as this blogger believes that one must utilize a “horizontal vs. vertical” analysis of the Full Faith and Credit Clause in the context of same sex marriage since there is both an intrastate and interstate component to such an analysis. Such an analysis could, at times, result in a situation where a State Court permits recognition of the fact that a same sex marriage exists in another State jurisdiction, but the Full Faith and Credit Clause’s provisions may not necessarily be interpreted to mean that States should be compelled to grant same sex divorces if the public policy of the State in question does not permit State sanctioned legalization or solemnization of such unions in the first place.
On a side note, this blogger just thought of an interesting hypothetical: could a federal Court with concurrent federal jurisdiction over State territory grant divorces for same sex couples who were married in another State jurisdiction (which allows same sex marriage) if the underlying State’s public policy runs counter to the notion of granting recognition for such unions? It would currently seem that pursuant to the Erie Doctrine the US Courts under such circumstances may be prohibited from undertaking certain functions pertaining to same sex marriages if the underlying State’s law does not recognize such unions. That stated, as of the time of this writing any such analysis remains mere speculation as a broadly binding legal opinion on these issue has yet to be handed down.
Readers interested in learning more about the struggle for LGBT Equality are encouraged to check out UnitingAmericanFamilies.Net, Lez Get Real, and/or the Immigration Equality Action Fund Blog.
For further related information please see: Rainbow Flag or US Company Registration.
1st June 2011
เมื่อเร็วๆนี้มีสิ่งที่เป็นที่น่าสนใจคือ ตำแหน่งรีพลับลิกันที่เกี่ยวกับการแต่งงานเพศเดียวกันในเมืองโคลัมเบีย (วอชิงตัน ดี.ซี.) เป็นที่น่าจับตามองของทั้งสื่อและผู้สังเกตการณ์ทางการเมือง อ้างโดยตรงจากบทความที่เขียนโดยเบน เพิร์ซชิ่งและเขียนในเว็บไซต์ของวอชิงตันโพสต์ ในวอชิงตัน ดอทคอม
ความพยายามที่ผ่านมา รีพลับลิกันอาจไม่ได้รับข้อแก้ตัวในปีนี้ในกฎหมายแต่งงานเพศเดียวกันของรัฐ ไม่มีพระราชบัญญัติที่ถูกยก และผู้ร่างกฎหมายที่ได้รับการสนับสนุนจากเพื่อนร่วมงานสำหรับมาตรการบางอย่าง
สำหรับผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับรัฐธรรมนูญสหรัฐอเมริกา พึงระลึกถึงข้อเท็จจริงว่า สภาคองเกรสสหรัฐอเมริกานั้นรับผิดชอบในการบริหารเมืองหลักของสหรัฐอเมริกา ขอบเขตของอำนาจนั้นขยายไปในบริบทของรัฐเอกราชที่จะมีมุมมองในประเด็นระหว่างรัฐ แต่อย่างไรก็ตามรัฐของโคลัมเบียนั้นโดยลักษณะธรรมชาติแล้วแตกต่างจากรัฐเอกราชที่มีกฎเกณฑ์ทางกฎหมายและการวิเคราะห์ที่นำมาใช้ระหว่างรัฐที่แตกต่างกันอาจจะใช้กับรัฐที่แตกต่างกัน อ้างเพิ่มเติมจากบทความที่กล่าวถึง
ประธานการปฏิรูปรัฐบาลและสภา แดร์แรล อิสซา (อาร์-แคลิฟ) กล่าวว่า เขารู้ว่าไม่มีการรณรงค์การยกเลิกกฎหมาย “กรรมการไม่มีความตั้งใจในการที่จะพลิกการแต่งงานของคู่เกย์” อิสซ่ากล่าวในเดือนนี้ แม้ว่าต่อมาเขาจะชี้แจงเพื่อตัวเองและไม่ได้เพื่อผู้ร่างกฎหมายแต่ละคน ผู้แทน เทรย์ โกว์ดี้ (อาร์-เอส.ซี.) ขณะนี้ดำรงตำแหน่งประธานของคณะกรรมการย่อย ตอบคล้ายๆกันเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เขากล่าวในการสนับสนุนพระราชบัญญัติที่จะกลับกฎหมายการแต่งงานของเพศเดียวกันถ้ามีการเสนอกฎหมาย แต่ไม่มีผลประโยชน์ใดๆกับความพยายามดังกล่าว “ข้าพเจ้าไม่ได้รับเลือกเป็นผู้ว่าการรัฐดี.ซี. และไม่ได้ปรารถนาที่จะเป็น” กาวด์ดี้กล่าว ซึ่งสะท้อนเสียงวิจารณ์ในประเด็นท้องถิ่น ข้อเท็จจริงที่ว่า ไม่มมีรีพลับบลิกันที่จะนำเสนอพระราชบัญญัติในปีนี้ที่จะส่งสัญญาณว่าใช้แผนที่จะใช้เทคนิคที่แตกต่าง
ผู้เขียนบล็อกแนะนำเป็นอย่างยิ่งว่า ผู้อ่านควรคลิกไปยังลิงค์ที่เกี่ยวข้องเพื่อที่จะดูบทความทั้งหมด
ผู้สังเกตการณ์กล่าวข้างต้นว่า หลักสำคัญของการวิเคราะห์ใดๆในประเด็นที่โจมตีกลุ่มเพศที่สามด้วยความหวังที่จะผ่านร่างกฎหมาย เช่นพระราชบัญญัติการรวมครอบครัวอเมริกัน (UAFA) พระราชบัญญัติการคุ้มครองสิทธิการแต่งงาน หรือพระราชบัญญัติการรวมตัวกันใหม่ของครอบครัว จากการสนับสนุนของสองฝ่ายนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญ อ้างต่อว่า สิ่งที่ปรากฏว่า ยังคงมีนโยบายที่คงอยู่และสอดคล้องต่อกลุ่มของเพศที่สาม ปัจจุบันนี้มีสัญญาณที่บอกว่า “เป็นมิตร” กับสิทธิโดยเฉพาะอย่างยิ่งสิทธิของรัฐที่จะยกการประเด็นตามรัฐธรรมนูญในการยื่นพระราชบัญญัติคุ้มครองการแต่งงาน (DOMA)
ในปัจจุบันนี้ รัฐอิสระในสหรัฐอเมริกา เช่น คอมมอนเวลท์ของแมสซาชูเสสมีการเรียกร้องของประชาชนให้มีการวางมาตรการให้เป็นไปตามกฎหมายและปฏิบัติตามกฎหมายและ หรือ รับรองการแต่งงานหรือสถานะของเพศเดียวกัน ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ข้อเท็จจริง รัฐบาลกลางของสหรัฐอเมริกาจะไม่ได้ให้สิทธิส่วนกลาง (เช่น สิทธิประโยชน์การเข้าเมือง) แม้ว่ผู้ที่แต่งงานในเขตรัฐอิสระในสหรัฐอเมริกา
ในความเห็นของผู้เขียน ประเด็นเรื่องการแต่งงานของเพศเดียวกันในสหรัฐอเมริกาอาจจะได้รับการคลี่คลายโดยศาลสหรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นคดีที่ตัดสินโดยศาลสูงสุดของสหรัฐอเมริกา บทความนี้ให้ข้อคิดเห็นหลังจากประเด็นที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อถือและความสุจริต และหลักพื้นฐานความเชื่อถือและความสุจริตของรัฐธรรมนูญสหรัฐอเมริกา สิ่งที่พึงระลึกถึงคือ ผู้อ่านพึงเข้าใจว่า ประเด็นเหล่านี้ได้รับผลลัพธ์เต็มรูปแบบแล้ว
ในขณะเดียวกันเป็นสิ่งที่ปรากฏว่า นักเคลื่อนไหวในกลุ่มของเพศที่สามนานาชาติได้ดำเนินการที่จะให้สิทธิที่เท่าเทียมกันในส่วนอื่นๆของโลกในฐานะของหนังสือพิมพ์เดอะเนชั่นที่ตีพิมพ์ในประเทศไทยรายงานว่า นักเคลื่อนไหวเพศที่สาม กำลังหาเสียงสนับสนุนทางการเมืองในประเด็นที่เกี่ยวกับการแต่งงานของเพศเดียวกันในการจัดการเลือกตั้งในประเทศไทย อ้างโดยตรงจากเว็บไซต์ที่เป็นทางการของเนชั่น เนชั่นมัลติมีเดีย ดอทคอม:
นักเคลื่อนไหวที่เรียกว่า “เพศที่สาม” เช่น เกย์ เลสเบี้ยน และการแปลงเพศ ได้มีการเคลื่อนไหวทางการเมืองเพื่อที่จะผ่านกฎหมายการแต่งงานเพศเดียวกัน นที ธีระโรจนพงศ์ ประธานของกลุ่มความหลากหลายทางเพศ และกลุ่มการเมืองเกย์ของประเทศไทย และนักร้องที่แปลงเพศแล้วที่เป็นที่รู้จักคือ จิม ซาร่าห์ (สุจินรัตน์ ประชาไทย)กล่าวเมื่อวานนี้ว่า เขาไปยังพรรคประชาธิปัตย์และเพื่อไทยวันนี้เพื่อที่จะถามถึงงสิทธิของเพศที่สามหากพรรคจะเป็นผู้นำในรัฐบาลต่อไป กลุ่มของพวกเขากำลังหาพันธะสัญญาจากหลายๆฝ่ายและเขาควรจะได้รับการสัญญาตามที่เขาสนับสนุนหลายๆฝ่าย
ผู้เขียนเว็บบล็อกนี้ขอแนะนำให้ผู้อ่านคลิกในลิงค์ข้างบนเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมจากมุมมองและบความที่กล่าวถึงข้างต้น
ผู้อ่านควรตระหนักถึงข้อเท็จจริงที่ว่า ประเทศไทยเป็นประเทศหนึ่งที่มีการกล่าวถึงประเด็นเรื่องกลุ่มเพศที่สาม (LGBT) วัตถุประสงค์เพื่อการท่องเที่ยวและการพักผ่อน ประเทศไทยเป็นจุดหมายของนักเดินทางที่ทั้งกลุ่มเพศที่สามและคู่ของพวกเขา ตามที่อ้างถึง ภายใต้กฎหมายไทยยังไม่มีกการรอรับการแต่งงานของคู่เพศเดียวกัน ดังนั้นเป็นไปไม่ได้ที่คู่เพศเดียวกันจะจดทะเบียนสมรสที่อำเภอ (สำนักงานเขต)ในแบบเดียวกับที่คู่ต่างเพศมีสิทธิ ตามที่กล่าวมาแล้ว สส.ของประเทศไทยอาจจะนำเอาประเด็นนี้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในประเด็นดังกล่าว ประเด็นนี้จะมีการนำไปเสนอในการเลือกตั้งอย่างไร เป็นสิ่งที่แสดงถึงความน่าสนใจของมัน
ในการวิเคราะห์ประเด็นการเข้าเมืองสหรัฐอเมริกาในบริบทของไทยพึงระลึกถึงว่า ถ้าประเทศไทยเริ่มที่จะอนุญาตให้มีการจดทะเบียนสมรสของคู่เพศเดียวกันและสหรัฐอเมริกาผ่านการร่างกฎหมายตามที่กล่าวมาข้างต้น UAFA ซึ่งในอนาคตข้างหน้า คู่เพศเดียวกันท่เป็นชาวไทย อเมริกันสามารถที่จะจดทะเบียนสมรสในประเทศไทยและใช้สิทธิประโยชน์ในเรื่องการเข้าเมืองสหรัฐอเมริกาเช่น วีซ่า เค-3, วีซ่าซีอาร์-1, หรือวีซ่าไออาร์1 ตามที่กล่าวมาแล้วนั้นต้องงอาศัยกระบวนการตามกฎหมายและนโยบายในปัจจุบัน
To view this post in English please see: legal.
18th May 2011
It recently came to this blogger’s attention that some have been discussing tactics underlying the overall political strategy pertaining to passage of the Uniting American Families Act (UAFA), a recently introduced piece of legislation by Representative Jerrold Nadler designed essentially to circumvent the current prohibition of Federal recognition for same sex marriages. Such marital unions are currently legalized and/or solemnized by multiple sovereign American States as well as the District of Columbia. To quote directly from the article No Republicans, No News posted on the website UnitingAmericanFamilies.Net:
The UAFA-related blogosphere is alive with reports of the bill being re-introduced into Congress. This will seem like a wet blanket, but my jaded response is… so what? The bill (and its predecessor) has been introduced into every subsequent Congress since the year 2000, and it has never come close to passing.
The administration of this web log strongly encourages readers click upon the hyperlinks above to read more from the enlightening piece.
Of especial interest to this blogger was the analysis of the current political predicament facing proponents of UAFA or a bill, such as the Reuniting Families Act, which utilizes UAFA-like language. To quote further from the aforementioned article:
It’s no longer the Dems who need to be convinced. We will NOT get our basic human rights until we start to convince Republicans — whether right-wing, Tea-Party, or “moderate” (if such a thing still exists). It’s a simple game of numbers.
This is an insightful notion as it is so acutely correct. The way for the LGBT Community, same sex bi-national couples, and anyone else who is a victim of government discrimination based upon sexual orientation to effect change is through gaining broad based, possibly bi-partisan, support (under the circumstances the word “bi-partisan” simply does not seem accurate as this truly is an issue of personal liberty and not party ideology). Importantly, supporters of UAFA and bills similar to UAFA have one relatively new political “arrow” in their “quivers” and that arrow is States’ Rights. The 10th Amendment of the United States Constitution reserves certain rights to the Several Sovereign States. Marriage, and the licensure thereof, has traditionally been viewed as a purely intraState matter. Therefore, when the Defense of Marriage Act (DOMA) came into conflict with State policies such as those currently maintained by the Commonwealth of Massachusetts issues surrounding the 10th Amendment came to the foreground of the debate.
The fate of DOMA, UAFA, the Reuniting Families Act, and the Respect for Marriage Act remains to be seen, but one thing is clear, at least in this blogger’s personal opinion: the issue of same sex marriage may become one of those issues that, in politics, is truly a “game changer”.
For related information please see: Full Faith and Credit Clause.
30th March 2011
ช่วงนี้มีเรื่องราวที่น่าสนใจที่ปรากฏขึ้นคือ กระทรวงความมั่นคงแหห่งมาตุภูมิของหน่วยบริการการเข้าเมืองและพลเมืองสหรัฐอเมริกา (USCIS) ได้ยกเลิกการยับยั้งถ้ามีกระบวนการพิจารณาของคู่เพศเดียวกันของพลเมืองสหรัฐอเมริกาหรือผู้มีถิ่นฐานถาวรในสหรัฐอเมริกา อ้างโดยตรงจากเว็บไซต์ dailynews-update.net:
หน่วยบริการคนเข้าเมืองและพลเมืองสหรัฐอเมริกายืนยันเมื่อวันจันทร์ว่า เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเพียงชั่วคราวในการที่จะชะลอการเนรเทศคู่ของเพศเดียวกันหากมีผลกระทบต่อการตัดสินใจโดยกระทรวงยุติธรรมที่อาจจะปกป้องพพระราชบัญญติคุ้มครองการแต่งงานได้ไม่นาน
คริส เบนลีย์ เลขาธิการสื่อมวลชนของ USCISกล่าวว่า “USCIS มีประเด็นที่จะแนะนำในเรื่องของกรณีที่เกี่ยวข้องในการระงับไว้อย่างชั่วคราวในขณะที่คำแนะนำในขั้นสุดท้ายรอเพื่อที่จะยืนยันในประเด็นที่เกี่ยวกับกฎหมายอื่นๆ”
ผู้เขียนแนะนำว่า ผู้อ่านควรจะศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมจากลิงค์ข้างบนเพื่อดูข้อมูลทั้งหมด
มีประเด็นทางกฎหมายหลายๆแง่มุมที่เกิดขึ้นกับประเด็นเรื่องการแต่งงานของเพศเดียวกันและการรับรองของรัฐบาล ผู้ที่ติดตามอ่านบทความอาจจะสังเกตเห็นว่า ผู้เขียนใช้เวลาในการวิจารณ์และติดตามประเด็นต่างๆที่มีการโจมตีสิทธิพลเมืองของอเมริกันและผู้ที่มีถิ่นฐานถาวรและรวมถึงการโจมตีการรับรองของสิทธิพิเศษในการแต่งงาน
การโจมตีสิทธิที่เท่าเทียมกันของการแต่งงานสำหรับกลุ่มเพศที่สาม (LGBT) มีผู้ร่างกฎหมายจำนวนมากสนับสนุนเหตุผลของคู่เพศเดียวกันสองสัญชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้แทนเจอรัลด์ นาเดลล์ได้แนะนำอีกครั้งเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติการรวมครอบครัวอเมริกัน (UAFA)ด้วยความพยายามที่จะนำไปสู่การรักษาสิทธิประโยชน์การเข้าเมืองสำหรับคู่เพศเดียวกันสองสัญชาติในแบบเดียวกับทั่ปฏิบัติต่อคู่ต่างเพศ ในขณะเดียวกัน ตามที่กล่าวมาแล้วข้างต้น กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับสิทธิที่เท่าเทียมกันของการเข้าเมือง และบทความที่เกี่ยวกับกองทุนความเท่าเทียมกันของการเข้าเมืองได้ประกาศสถานะที่เกี่ยวกับการที่ DHS ออกกรีนการ์ดของคู่เพศเดียวกันที่เป็นต่างชาติและผผู้มีถิ่นฐานถาวรในสหรัฐอเมริกา การประกาศเช่นนี้มีความสำคัญเพราะเป็นการชี้แจงถึงการขยายระบบเกี่ยวการเมืองละการเข้าเมืองที่เกี่ยวกับความพยายามที่จะจัดการกับประเด็นดังกล่าว เป็นที่เจนว่าการเคลื่อนไหวที่เรียกร้องสิทธิที่เท่าเทียมกันของกลุ่มเพศที่สาม(LGBT)มีพื้นฐานมาจากการศึกษาในประเด็นชีวิตจริงในระบบคนเข้าเมือง
สิ่งที่จะต้องตระหนักถึงในบทความนี้คือ อัยการของรัฐอีริค โฮลเดอร์ได้ส่งข้อความถึงสภาผู้แทนอ้างโดยอ้างว่า ฝ่ายบริหารอาจจะไม่รู้สึกว่า คดีเกี่ยวกับ“พระราชบัญญัติคุ้มครองการแต่งงาน” (DOMA)เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับรัฐธรรมนูญ มีผู้ที่ถกเถียงในประเด็นที่ขัดแย้งกับหน้าที่ของฝ่ายบริหารตามกฎหมายสหรัฐอเมริกา สมาชิกสภาคองเกรสบางคน รวมทั้งฝ่ายประธานาธิบดีหวังว่า นิวท์ จิงริชจะออกเสียงในการกล่าวหาถึงประเด็นนี้ ในขณะที่เขียนบทความนี้ เหตุการณ์นี้ยังไม่ได้เกิดขึ้น
ผู้เขียนไม่เห็นด้วยกับคำตัดสินฝ่ายบริหารของสหรัฐอเมริกาที่ไม่ได้ติดตามกรณี DOMA เพราะการทำเช่นนั้นเป็นการขัดขวางอำนาจศาลสูงสุดเนื่องจากเป็นการขาดองค์ประกอบของ “คดีหรือความขัดแย้ง” ผู้เขียนขอแย้งว่า ศาลสูงสุดสหรัฐเป็นผู้มีอำนาจดีที่สุดในประเด็นนี้ในการยืนยันการรับรองการแต่งงานของคู่เพศเดียวกันตามบทบัญญัติที่อยู่ในความศรัทธาและความเชื่อในรัฐธรรมนูญสหรัฐอเมริกา
ประเด็นทั้งหมดของการแต่งงานและการรับรองของรัฐบาลอเมริกาจะยังคงอยู่ในระหว่างการตัดสิน แต่สำหรับผู้ที่ต่อสู้เพื่อสิทธิที่เท่าเทียมของกลุ่มเพศที่สาม (LGBT) คำตัดสินของ USCIS นี้เป็นเรื่องที่ดี
To view this information in English please see: same sex marriage.
The hiring of a lawyer is an important decision that should not be based solely on advertisement. Before you decide, ask us to send you free written information about our qualifications and experience. The information presented on this site should not be construed to be formal legal advice nor the formation of a lawyer/client relationship.