blog-hdr.gif

Integrity Legal

Posts Tagged ‘K1 Visa Thailand’

21st May 2010

To see this information in English please see: US visa denial

อย่างที่ผู้เขียนได้เคยพูดไว้ในกระทู้ก่อนๆ เหตุผลหลักๆที่ทำให้วีซ่าอเมริกาถูกปฏิเสธขึ้นอยู่กับเหตุที่ทำให้ไม่สามารถเข้าเมืองได้ ในเคสนั้นๆ เหตุหนึ่งก็คือ เจ้าหน้าที่กงสุลพบว่าผู้ขอวีซ่าทำความผิดทางอาญาเกี่ยวกับศีลธรรม ( CIMT ) นั่นหมายความว่า บางครั้งก็เป็นเรื่องยากที่จะวินิจฉัยว่าความผิดที่ผู้ขอวีซ่ากระทำนั้นเป็นความผิดทางอาญาเกี่ยวกับศีลธรรมหรือไม่ คู่มือทางกิจการต่างประเทศกล่าวถึงลักษณะของความผิดที่เป็นความผิดเกี่ยวกับศีลธรรมเอาไว้ ด้านล่างคือข้อความบางส่วนที่ตัดตอนมา

ข้อ9 คู่มือทางกิจการต่างประเทศ 40.21(a) N 2.3-1 ความผิดต่อทรัพย์สิน

( CT. VISA-1318;09-24-2009 )

เอ. ความผิดทางอาญาส่วนใหญ่ที่ถือว่าเกี่ยวข้องกับศีลธรรมอันเป็นความผิดต่อทรัพย์สินได้แก่ ฉ้อโกง การกระทำความผิดฐานฉ้อโกงถือเป็นความผิดต่อศีลธรรมไม่ว่าจะเป็นการกระทำต่อบุคคลหรือความผิดต่อแผ่นดิน ความผิดฐานฉ้อโกง โดยทั่วไป

เกี่ยวกับ

(1) ทำให้บุคคลอื่นหลงเข้าใจผิด

(2) รู้ถึงข้อความที่หลอกลวงซึ่งทำขึ้นโดยตัวผู้ก่อการ

(3) เชื่อถือในสิ่งที่แสดงให้เข้าใจผิดโดยบุคคลที่ถูกหลอก

(4) เจตนาหลอกลวง และ

(5) การกระทำการฉ้อโกง

ความผิดต่อทรัพย์สินไม่เพียงเป็นความผิดทางอาญาเกี่ยวเนื่องด้วยศีลธรรมชนิดเดียวแต่ความผิดต่อเจ้าหน้าที่รัฐก็ถือเป็นความผิดทางอาญาที่เกี่ยวกับศีลธรรมด้วย

ข้อ9 คู่มือทางกิจการต่างประเทศ 40.21(a) N 2.3-2 ความผิดต่อการเจ้าหน้าที่รัฐ

( CT: VISA-1318; 09-24-2009 )

เอ. ความผิดต่อเจ้าหน้าที่รัฐที่เข้ากับนิยามความผิดทางศีลธรรมได้แก่:

(1) การติดสินบน

(2) ปลอมเอกสาร

(3) ฉ้อโกงกรมสรรพากร หรือหน่วยงานราชการอื่น

(4) ฉ้อฉลทางเอกสาร

(5) ให้การเท็จ

(6) ให้ที่พักพิงแก่ผู้ร้ายหลบหนี ( โดยทราบความผิด ) และ

(7) เลี่ยงภาษี ( โดยมีเจตนา )

คู่มือทางกิจการต่างประเทศได้กล่าวถึงกิจกรรมอีกหลายๆลักษณะที่อาจไม่ถือเป็นความผิดทางอาญาเกี่ยวกับศีลธรรม เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ที่พิจารณาเรื่องในการตัดสินข้อเท็จจริงของคดีและตัดสินว่าการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดทางอาญาเกี่ยวเนื่องกับศีลธรรมหรือไม่ หากว่าได้กระทำความผิดจริง ก็จะต้องถูกปฏิเสธวีซ่า  ภายใต้ทฤษฎีอำนาจที่ห้ามตรวจสอบของกงสุล ( รู้จักกันในชื่อ อำนาจเด็ดขาดของกงสุล ) คำตัดสินนี้ไม่สามารถอุทธรณ์ได้ อย่างไรก็ตาม ผู้ยื่นขอวีซ่าสามารถแก้ไขปัญหาวีซ่าถูกปฏิเสธได้โดยยื่นขออภัยโทษแบบ I-601

เพื่อประโยชน์ของบางคน มีคำพิพากษาของ ศาลภาค กล่าวว่า

“คำสั่งส่งตัวออกนอกสหรัฐอเมริกาที่มีต่อ ผู้ร้อง อาร์มานโด อัลวาเรซ เรย์นากาเนื่องจากกระทำความผิดอาญาฐานรับยานพาหนะที่ขโมยมา มีความผิดตามมาตรา 496d(a) ตามประมวลกฎหมายอาญาแคลิฟอร์เนีย คำร้องของเขาขอให้พิจาณาใหม่ว่าความผิดทางอาชญากรรมที่กระทำลงนั้น เป็นความผิดตามศีลธรรมหรือไม่ เราสรุปได้ว่าเป็นความผิดฐานอาชญากรรมแต่ไม่ใช่อาชญากรรมเกี่ยวกับศีลธรรม เราปฏิเสธคำร้องขอพิจารณาใหม่”

เมื่อกฎหมายเปลี่ยนแปลงไป นิยามของความผิดทางอาญาเกี่ยวกับศีลธรรมและกิจกรรมที่อยู่ภายใต้ข้อกำหนดของความผิดอาญาทางศีลธรรมตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมืองและสัญชาติก็เปลี่ยนแปลงไปด้วย

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับวีซ่าอเมริกาจากประเทศไทย โปรดดู วีซ่าอเมริกาประเทศไทย

more Comments: 04

6th May 2010

Few people realize that Puerto Rico is, for immigration purposes, part of the United States of America. This legal posture is enshrined in the United States Immigration and Nationality Act. In a recent posting on the Puerto Rico Federal Affairs Administration Website it was announced that the Puerto Rican authorities will be making sweeping changes to the rules effecting the issuance of birth certificates:

The government of Puerto Rico has enacted a new law (Law 191 of 2009) aimed at strengthening the issuance and usage of birth certificates to combat fraud and protect the identity and credit of all people born in Puerto Rico.

The new law was based on collaboration with the U.S. Department of State and the U.S. Department of Homeland Security to address the fraudulent use of Puerto Rico-issued birth certificates to unlawfully obtain U.S. passports, Social Security benefits, and other federal services.

Under the new law, all Puerto Rico birth certificates issued before July 1, 2010, will be invalidated so that new, more secure certificates can be issued. Until that date, all birth certificates will remain valid.

It is important to understand that there is no need to rush out and get a new birth certificate on July 1.  It is suggested that only people who have a specific need for their birth certificate for official purposes need request a new birth certificate right away.

As many may be aware, birth certificates are an integral component of many visa petition packages. This is particularly true for K1 visa petitions, K3 Visa petitions, IR1 and CR1 visa petitions. How these proposed chages will impact immigration to the United States from abroad, and from Puerto Rico, remains to be seen, but it is clear that government officials are taking the issue of fraud prevention seriously.

Birth certificates are such an important piece of documentation that some believe that it is clearly self evident that maintaining the integrity of such documents is vitally important in maintaining security in the United States of America. In the 50 United States, there have been innumerable programs that are intended to make it more difficult for individuals to obtain fraudulent documentation. It would appear that this overall policy is being extended to US territorial possessions in order to provide increased document security in the outlying jurisdictions of the United States of America.

For more information about births overseas and obtaining birth registration documentation from abroad please see: Consular Report of Birth Abroad. For information about registering Thai births overseas please see: Thai Consular Report of Birth Abroad.


more Comments: 04

6th May 2010

ในกระทู้ก่อนๆ เราได้อธิบายถึงขั้นตอนการขอวีซ่า เค ทรี การยื่นขอวีซ่าเค ทรี ในปัจจุบันกระบวนการขอวีซ่าเค ทรี กลายเป็นเรื่องที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ เนื่องจาก NVC จะไม่เดินเรื่อง I129F สำหรับวีซ่า เค ทรี หากว่าคำขอ I 130 นั้นมาถึง NVC ก่อน หรือ พร้อมๆกับคำขอ I 129 F ต้องให้เครดิตกับ USCIS ที่ดำเนินการคำขอ I 129F และ I 130 รวดเร็วพอๆกัน อย่างไรก็ตามสำหรับคนที่ต้องการวีซ่าคู่สมรสแบบด่วน การพยายามของคุณอาจนำไปสู่สถานการณ์ที่คุณไม่อยากให้เกิดขึ้น


NVC ได้เคยบอกไว้ว่าจะหยุดดำเนินการคำขอ I 129F ในกรณีที่กล่าวไว้ด้านบน ซึ่งกรณีเช่นว่านี้ทำให้บุคคลที่แต่งงานกันภายใต้เขตอำนาจรัฐใดๆเพื่อขอวีซ่าคู่สมรสในเขตอำนาจสถานทูตในรัฐนั้นๆเป็นไปได้ยากขึ้น ภายใต้กฎเกณฑ์ที่ทำให้เกิดวีซ่า เค ทรี จะต้องดำเนินการขอวีซ่าในสถานทูตในเขตที่ที่คู่สมรสนั้นได้สมรสกัน ซึ่งเรื่องนี้ทำให้คู่สมรสหลายๆคู่สามารถ เลือกเขตอำนาจว่าจะขอวีซ่าผ่านทางประเทศใด ตัวอย่างเช่น ถ้าคู่สมรสอยากจะขอวีซ่าผ่านสถานทูตในอิตาลี ก็สามารถทำการสมรสในอิตาลีเพื่อให้มั่นใจได้ว่าเรื่องจะถูกดำเนินการที่อิตาลีแน่นอน

ในขณะนี้เป็นเพราะว่าอนาคตของวีซ่าเค ทรี ยังไม่แน่นอน ก็มีความเป็นไปได้ว่าการเลือกเขตอำนาจสถานทูตจะเป็นอดีตไป หมายความว่า วีซ่าถาวรเช่น CR1 และ IR1 อาจจะถูกส่งไปที่สถานทูตที่คู่สมรสต่างด้าวมีสัญชาติและสถานทูตและกงสุลมักจะดำเนินการคำขอของผู้มีสัญชาติที่ไม่ใช่ของประเทศตนโดยมารยาท และหากว่าไม่สะดวกก็จะส่งเรื่องไปยังสถานทูตที่ต้องเป็นผู้ดำเนินการ

หวังว่าการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้จะไม่เป็นปัญหาใดๆ นั่นหมายความว่า ตราบใดที่ USCIS ยังเดินเรื่อง I-130 ได้เร็ว ก็ดูเหมือนว่า NVC จะปิดเรื่อง เค ทรี และทำให้เป็นการป้องกันไม่ให้เกิดการเลือกเขตอำนาจสถานทูต สำหรับคู่หมั้นต่างด้าวในประเทศ เช่น พม่า กัมพูชา การเปลี่ยนแปลงนี้อาจทำให้เกิดความยากลำบากเนื่องจากประเทศทั้งสองมีระบบราชการที่ทำให้เกิดความยุ่งยากมากๆกับสตรีสัญชาติของตนที่แต่งงานกับชายอเมริกัน

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมว่านโยบายของ NVC จะส่งผลต่อการขอวีซ่าคู่หมั้นอย่างไร โปรดดู K1 visa

more Comments: 04

30th April 2010

Repeatedly, this author uses this blog as a platform to try to educate the public regarding the US visa process and the problems that can arise during that process. In many cases, people are simply unaware of the rules regarding US visa issuance and this blog attempts to provide relevant information that readers may find beneficial. That being said, another frequently discussed topic is the unauthorized practice of law by “visa companies” and “visa agents” or those claiming to be American attorneys. This is not simply a tirade against such practices, but is intended to provide information regarding the detrimental impact that these individuals can have upon the interests of their “clients”.

Under section 292.1 of the United States Code of Federal Regulations a licensed attorney is entitled to represent clients before the United States Department of Homeland Security, specifically the United States Citizenship and Immigration Service (USCIS) which is tasked with adjudicating US visa petitions. Many are unaware of the fact that those who assist individuals in preparing visa petitions are engaging in the unauthorized practice of law if they are not: licensed to practice law in at least one US jurisdiction while being eligible to practice law in all US jurisdictions or certified by the Board of Immigration Appeals (BIA).

Licensure is no small matter, especially for those individuals who are “represented” by those claiming to be attorneys who are not, in fact, licensed. For example, if an American talks to an unlicensed individual about sensitive matters, then such communications would not be confidential and also would not be protected under the attorney/client privilege. If one is communicating in confidence to a licensed attorney, then such communication is “out of bounds” for US Courts. However, the same communications with one who is unlicensed could be used as evidence in a US court proceeding. Therefore, licensure is extremely important particularly in US Immigration matters involving a legal ground of inadmissibility or an I-601 waiver as certain information could be very detrimental to clients’ interests and if imparted to a licensed American attorney would be confidential, but if imparted to an unlicensed “fly by night” operator such information could be used against the client at a later date.

For all of these reasons, when an American is outside of the USA it is always prudent to check the credentials of anyone claiming to be an attorney from the United States. An individual can provide adequate credentials if they can show their license to practice law before at least on State Supreme Court in the US, or a Federal license to practice law in the USA, or a license to practice law in one of the US territorial jurisdictions (Guam, Puerto Rico, the US Virgin Islands, etc). Anyone who refuses to provide any such credentials and yet still asserts that they are an American attorney should be avoided until proof of credentials can be provided.

For further information about US Immigration from Thailand please see: K1 Visa Thailand.

more Comments: 04

21st April 2010

For information in English please see: National Visa Center.

NVC คืออะไร?

กระบวนการขอรับผลประโยชน์จากการเข้าเมืองของสหรัฐอเมริกาอาจจะยุ่งยากเป็นบางครั้ง แต่โดยภาพรวมแล้วหากว่าเข้าใจขั้นตอนหรือมีการจ้างทนายความผู้มีประสบการณ์ก็อาจจะทำให้ง่ายขึ้น

คำถามที่พบบ่อยๆเกี่ยวกับกระบวนการขอวีซ่าก็คือ NVC คืออะไรและมีหน้าที่อะไร NVC ย่อมาจากศูนย์วีซ่าแห่งชาติ ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐภายใต้อำนาจของกระทรวงต่างประเทศสหรัฐอเมริกา NVC มีสำนักงานอยู่ที่ Portsmouth มลรัฐ New Hampshire อำนาจของ NVC คือการดำเนินการคำขอวีซ่าและทำให้แน่ใจว่าคำขอวีซ่าจะถูกส่งต่อไปยังหน่วยงานที่อยู่ในพื้นที่ผู้รับผลประโยชน์มีภูมิลำเนาอยู่

NVC ยังรับผิดชอบในการรวบรวมค่าธรรมเนียมวีซ่าถาวร และเอกสารสำคัญที่จำเป็นต้อเจ้าหน้าที่กงสุลในการพิจารณาคำขอ

กระบวรการดำเนินการของ NVC วีซ่าไม่ถาวรและวีซ่าถาวร

การดำเนินการของ NVC นั้นยุ่งยากและใช้เวลาค่อนข้างมากกว่าสำหรับวีซ่าถาวร ซึ่งตรงข้ามกับวีซ่าไม่ถาวร กิจกรรมหนึ่งที่ NVC ทำบ่อยๆก็คือการตรวจสอบด้านความมั่นคงและตรวจสอบภูมิหลังของผู้ที่มีความประสงค์จะเข้าประเทศสหรัฐอเมริกา หลังจากเหตุการณ์ 11 กันยายน 2544 NVC ได้มีบทบาทสำคัญเพื่อทำให้มั่นใจว่าบุคคลเหล่านั้นจะไม่เป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศสหรัฐอเมริกา

NVC นั้นบางครั้งถูกเข้าใจสับสนกับ NBC หรือ ศูนย์ผลประโยชน์แห่งชาติซึ่งได้รับมอบหมายจาก USCIS ให้จัดการเกี่ยวกับเอกสารก่อนสัมภาษณ์สำหรับการสัมภาษณ์คนเข้าเมืองในประเทศสหรัฐอเมริกา

สำหรับคนที่ต้องการนำคู่หมั้นชาวไทยไปอเมริกาโดยวีซ่า K1 ขั้นตอน NVC มักจะเร็วกว่าผู้ขอวีซ่าอพยพ ซึ่งก็เป็นจริงสำหรับกรณีวีซ่า K3 จากประเทศไทยที่ยื่นคำขอเพิ่มเติม I129F ในกรณีใดๆก็ตาม เมื่อวีซ่าได้รับการอนุมัติจาก USCIS มันจะถูกส่งต่อไปยัง NVC และ เมื่อได้รับอนุมัติคำขอจะถูกส่งไปยังสถานทูตสหรัฐอเมริกาหรือสถานกงสุลใหญ่

ขึ้นอยู่กับจำนวนเรื่องที่ NVC กระบวนการอาจจะใช้เวลาจาก 2 ถึง 8 สัปดาห์ ในการดำเนินการและส่งต่อเรื่องไปยังสถานทูตในต่างประเทศ อย่างไรก็ตามนี่ก็เป็นแค่ระยะเวลาโดยเฉลี่ยเท่านั้น ระยะเวลาในการดำเนินการสำหรับหน่วยงานของสหรัฐก็มักจะต่างกันไป

เมื่อยื่นคำขอที่ USCIS ในกรุงเทพมหานคร NVC จะไม่เข้ามามีส่วนในขั้นตอนใดๆเนื่องจากคำขอจะถูกส่งตรงไปยังสถานทูตอเมริกาประจำกรุงเทพมหานครซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามทันที

more Comments: 04

19th April 2010

สำหรับผู้ที่กำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารวีซ่าอเมริกาที่เรียกว่า Notice of Action 2 ซึ่งถูกกล่าวถึงบ่อยในกรณีที่เกี่ยวกับคำขอวีซ่าคู่สมรสและวีซ่าคู่หมั้น กะทู้นี้จะอธิบายว่า Notice of Action 2 คืออะไร และมีความหมายอย่างไรกับคำขอวีซ่าที่อยู่ระหว่างพิจารณา

เมื่อยื่นคำขอวีซ่า เอกสารตอบรับฉบับแรกที่ได้รับจาก USCIS คือใบรับเรียกว่า Notice of Action 1 ( NOA 1 ) เพื่อเป็นการแจ้งแก่ผู้ยื่นขอวีซ่าว่า USCIS ได้รับคำขอวีซ่าแล้ว มีบางกรณีที่เจ้าหน้าที่ผู้พิจารณาเรื่องเห็นว่าต้องมีการยื่นหลักฐานเพิ่มเติมก่อนที่เรื่องจะได้รับการพิจารณา ในกรณีเช่นว่านี้ คำขอหลักฐาน ( รู้จักกันในชื่อ RFE ) จะถูกส่งไปยังผู้ยื่นขอวีซ่า อย่างไรก็ตาม ในกรณีส่วนใหญ่ หลักฐานเพิ่มเติมก็ไม่มีความจำเป็นและหากว่าคำขอวีซ่าได้รับการอนุมัติแล้ว Notice of Action 2 ก็จะถูกส่งไปยังผู้ยื่นขอวีซ่า ถ้าคำขอวีซ่าถูกปฏิเสธ ก็จะมีการส่งหนังสือแจ้งไปยังผู้ยื่นเช่นกัน

แม้ว่าจะไม่ค่อยเกิดขึ้นซักเท่าไหร่สำหรับคำขอวีซ่าครอบครัว การปฏิเสธของ USCIS ก็สามารถเกิดขึ้นได้ การปฏิเสธมักเป็นผลมาจากการที่คำร้องนั้นไม่แสดงให้เห็นความสัมพันธ์อันแท้จริงระหว่างผู้ยื่นและผู้รับผลประโยชน์ในขณะที่ยื่น หรือในอีกกรณีคือการที่ยิ่นขอวีซ่าผิดประเภท การสมรสตามประเพณีไทยก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เข้าใจทางเลือกในการขอวีซ่าอพยพเมริกาได้อย่างผิดๆ ในประเทศไทย หากว่าการสมรสนั้นมิได้เป็นการจดทะเบียน ณ สำนักทะเบียนอำเภอ ก็ถือว่ามิได้เป็นการสมรสโดยถูกต้องตามกฎหมายในสายตาของ หน่วยงานคนเข้าเมืองสหรัฐอเมริกาและไม่ถือว่าเป็นเหตุที่ทำให้สามารถขอวีซ่าอพยพเข้าเมืองสหรัฐอเมริกาได้

ดังนั้น หากว่าคู่รักที่ได้สมรสกันอย่างไม่เป็นทางการยื่นขอวีซ่า IR 1, CR 1 หรือ K3 คำขอก็จะถูกปฏิเสธเพราะว่ามีคุณสมบัติไม่เพียงพอในการออกวีซ่าให้ อย่างไรก็ตามสำหรับคู่รักในกรณีเหล่านี้ คุณสามารถขอวีซ่า K1 ได้

หลังจากที่ USCIS ออก Notice of Action 2 ให้ คำขอจะถูกส่งต่อไปยัง National Visa Center ในกรณีที่เกี่ยวกับวีซ่าอพยพถาวร NVC จะดึงเรื่องไว้นานพอสมควร อย่างไรก็ตาม หากเป็นกรณี ของวีซ่า K1 NVC จะไม่ดึงเรื่องเอาไว้นานสักเท่าไหร่ แต่จะดำเนินการตรวจสอบทางความมั่นคงและส่งต่อเรื่องไปยังสถานทูตสหรัฐอเมริกา ในกรณีคู่หมั้นชาวไทย จะมีการส่งเรื่องไปยังสถานทูตสหรับอเมริกาประจำกรุงเทพมหานคร กงสุลใหญ่ ประจำเชียงใหม่ จะไม่ดำเนินการวีซ่าอพยพถาวร

more Comments: 04

14th April 2010

ในกระทู้นี้เราจะกล่าวถึง Notice of Action 1 หรือ NOA 1 เพื่อแสดงคำนิยามทางกฎหมายคนเข้าเมืองสหรัฐอเมริกาที่แม่นยำให้แก่ผู้ที่กำลังจะขอวีซ่าอเมริกาจากประเทศไทย

ในกรณีเกี่ยวกับคนเข้าเมืองสหรัฐอเมริกาหลายๆเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับการเข้าเมืองด้วยจุดประสงค์ทางครอบครัว คำขอจะต้องได้รับการอนุมัติจาก USCIS เสียก่อน หน่วยงานนี้เป็นหนึ่งในหน่วยงานที่ขึ้นตรงกับกระทรวงความมั่นคงสหรัฐอเมริกา (DHS)

เมื่อคู่รักเลือกที่จะยื่นขอวีซ่าสหรัฐอเมริกา ก็มักจะเป็นวีซ่า CR 1 , IR 1, K3 หรือ K 1 วีซ่า CR 1, IR 1 และ K 3 เป็นวีซ่าประเภทคู่สมรสอเมริกาทั้งหมด ในขณะที่วีซ่า K 1 เป็นวีซ่าคู่หมั้น วีซ่าประเภทเหล่านี้จะต้องได้รับการอนุมัติจาก USCIS ก่อนที่จะมีการกำหนดสัมภาษณ์ ในทางกลับกันวีซ่า B1, B2, F1 และ J1 เป็นวีซ่าไม่อพยพ ( ซึ่งไม่อนุญาตให้มีเจตนาในการเข้าเมืองเพื่อวัตถุประสงค์อื่นอีก ) และไม่จำต้องได้รับการอนุมัติจาก USCIS เสียก่อน ข้อควรสังเกตคือวีซ่าไม่อพยพประเภทเหล่านี้เป็นการยากที่จะขอสำหรับคนรักของบุคคลสัญชาติอเมริกันตามมาตรา 214b แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมืองและสัญชาติ มาตรานี้ได้วางหลักถึงข้อสันนิษฐานที่จะต้องทำให้ปราศจากความสงสัยให้ได้ก่อนที่จะออกวีซ่าให้

เมื่อบุคคลสัญชาติอเมริกันยื่นคำขอวีซ่า K1, K3, CR1 หรือ IR1 จะต้องยื่นคำขอไปยัง USCIS เสียก่อน มีศูนย์บริการ USCIS อยู่สองแห่งโดยขึ้นอยู่กับภูมิลำเนาของผู้ยื่นขอชาวอเมริกัน ผู้ยื่นคำขอจะต้องยื่นคำขอต่อ USCIS และจะมีการออกใบรับให้เรียกว่า Notice of Action 1 (NOA1 ) ใบรับนี้จะแสดงชื่อผู้ยื่นคำขอและผู้รับผลประโยชน์ รวมถึงวันที่รับเรื่องและวันที่ออกใบรับ ใบรับนี้จะแสดงหมายเลขเรื่องด้วย

สำหรับผู้ที่ใช้บริการทนายความทำวีซ่าอเมริกา สำเนา Notice of Action 1 จะถูกส่งไปยังทนายความในกรณีที่ทนายความได้ยื่นแบบ G28 เข้าไปด้วยกับคำขอวีซ่า ก่อนทีจะใช้บริการกับทนายคนใด คุณควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าจะมีการยื่นแบบ G28 ด้วยเนื่องจากมันค่อนข้างมีความสัมพันธ์ต่อการดำเนินการตามคำขอวีซ่า และบริษัทวีซ่าไม่สามารถกระทำการแทนลูกค้าต่อ USCIS ได้ดังนั้นน่าจะเป็นการดีที่จะตรวจสอบคุณสมบัติของบุคคลที่คุณต้องการให้เป็นตัวแทนให้ และโชคไม่ดีที่ในประเทศไทยมีผู้ให้บริการที่ไม่ได้รับอนุญาติอยู่มากมายที่ปฏิบัติงานเช่นทนายความมีใบอนุญาติของสหรัฐอเมริกา

Notice of Action 1 นั้นเป็นคนละตัวกับจดหมายจากสถานทูตอเมริกาประจำประเทศไทย จดหมายนี้เรียกว่า Packet 3 และจะถูกส่งในช่วงท้ายๆของกระบวนการคนเข้าเมืองแล้วเท่านั้น

more Comments: 04

13th April 2010

For information in English please see: marriage registration.

มีคนหลายคนแต่งงานในประเทศไทยในแต่ละปี เราได้รับคำถามเกี่ยวกับการยอมรับการสมรสในประเทศไทยจากลูกค้าชาวต่างชาติมากมาย ประเทศไทยไม่ใช่ประเทศในระบอบคอมมอนลอว์ และเพราะเหตุนั้นการสมรสตามกฎหมายคอมมอนลอว์ไม่สามารถใช้ยันในศาลไทยได้ นั่นหมายความว่าแม้ประเทศไทยจะเป็นระบบกฎหมายซีวิลลอว์ การแต่งงานตามประเภณีหรือตามศาสนายังคงเป็นเรื่องที่ปกติ นี่อาจจะมีสาเหตุมาจากการจดทะเบียนสมรสเป็นไปค่อนข้างยาก โดยเฉพาะสำหรับคนที่ไม่คุ้นเคยกับระบบกฎหมายไทยและหน่วยงานราชการของไทย

ในประเทศไทย การสมรสคือการจดทะเบียนที่สำนักงานอำเภอ สำนักงานนี้เป็นหน่วยงานที่รับข้อมูลด้านสำมะโนประชากร และในระบบอเมริกันเราเรียกว่า Court Clerk อำเภอจะเก็บข้อมูลของบุคคลที่มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตนั้นๆ ดังนั้นอำเภอจะเก็บข้อมูลการเปลี่ยนชื่อ การสมรส การเกิด และการตายในประเทศไทย เป็นไปได้ที่บุคคลที่ไม่มีสัญชาติไทยสองคนจะสมรสกันในประเทศไทย อนึ่ง สำนักงานแต่ละแห่งจะมีระเบียบภายในของตนเอง ดังนั้นคุณควรปรึกษาทนายเพื่อช่วยเหลือในการจดทะเบียนสมรส

เมื่อมีการจดทะเบียนสมรสตามกฎหมายไทยแล้ว คำถามคือ สหรัฐอเมริกายอมรับการสมรสนั้นหรือไปไม่ พูดง่ายๆก็คือ ยอมรับ ตามเว็บไซต์ของสถานทูตอเมริกาประจำประเทศไทยนั้น ในกรณีที่การสมรสได้ทำขึ้นตามกฎหมายในราชอาณาจักร ประเทศสหรัฐอเมริกายอมรับความสมบูรณ์ของการสมรสนั้นนี่เป็นคำถามสำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีเกี่ยวกับวีซ่าสหรัฐอเมริกา หากว่าการสมรสของคู่สมรสนั้นไม่ได้รับการยอมรับจากสหรัฐอเมริกา คำขอวีซ่า CR1 หรือ K3 สำหรับคู่สมรสก็จะถูกปฏิเสธ เนื่องจากคู่สมรสไม่มีคุณสมบัติที่จะออกวีซ่าให้ อีกทั้งสำหรับคู่รักที่ต้องการขอวีซ่า K1 สำหรับคู่หมั้น ก็อาจจะเกิดมาจากการที่ทั้งคู่ได้สมรสกันในประเทศไทยโดยคิดว่าสหรัฐอเมริกาไม่ยอมรับการสมรสนั้น ในกรณีนั้น USCIS จะถูกบังคับให้ต้องปฏิเสธคำขอเนื่องจากคำขอขาดคุณสมบัติ เจตนาที่จะสมรส ไม่ใช่จากการสมรสนั้น

มุมมองที่น่าสนใจเกี่ยวกับการจดทะเบียนสมรสของไทยที่ต้องเกี่ยวกับการทำสัญญาก่อนสมรส ในประเทศไทย สัญญาก่อนสมรสจะถูกบันทึกไว้พร้อมกับการจดทะเบียนสมรสที่อำเภอใน สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดดูเรื่อง สัญญาก่อนสมรสของไทย

เพื่อเป็นการสรุป การสมรสที่ทำขึ้นอย่างถูกต้องในประเทศไทยถือว่าสมบูรณ์ในประเทศสหรัฐอเมริกา และเพื่อวัตถุประสงค์ในการขอวีซ่าอเมริกา หรือเพื่อผลประโยชน์ทางกฎหมายคนเข้าเมืองอื่นๆ ดังนั้นการสมรสในประเทศไทยไม่ใช่สิ่งที่ควรให้ความสำคัญเพียงเล็กน้อย เมื่อคิดจะทำการสมรสในประเทศไทย โปรดจำไว้ว่าการสมรสนั้นจะถูกปฏิบัติเหมือนการสมรสที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา

more Comments: 04

9th April 2010

To see related information in English please see: 221g.

ยังคงมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการที่วีซ่าถูกปฏิเสธภายใต้มาตรา 221 (G ) สำหรับคำร้องขอวีซ่าจากประเทศไทย การปฏิเสธวีซ่าตามมาตรา 221 (G ) ก็คือการปฏิเสธเพื่อขอหลักฐานเพิ่มเติม เมื่อเจ้าหน้าที่กงสุลตัดสินใจว่าจะออกวีซ่าสหรัฐอเมริกาให้หรือไม่ ( ในการนี้ให้ดูเรื่อง วีซ่าคู่หมั้น K1, K3 หรือ วีซ่าคู่สมรส CR1 ) เจ้าหน้าที่จะทำการสืบเสาะข้อเท็จจริงเพื่อให้มั่นใจว่าผู้ขอวีซ่าเป็นบุคคลตามที่กล่าวอ้างจริง และจะเดินทางไปสหรัฐอเมริกาด้วยเหตุผลที่มีมูล ( ในกรณีเช่นนี้หมายความว่าต้องเป็นการเดินทางไปเพื่อวัตถุประสงค์ความสัมพันธ์ทางครอบครัวกับผู้ร้องสัณชาติอเมริกัน )

คู่รักบางคู่มีความกังวลใจเมื่อได้รับ แบบ 221 (G) และก็อาจจะเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่โดยเฉพาะกรณีที่ผู้ขอวีซ่ามาจากต่างจังหวัด ซึ่งก็เป็นปัญหาได้ หากว่าผู้ขอวีซ่ามีสำมะโนครัว (ทะเบียนบ้าน ) อยู่ต่างจังหวัดและเป็นการยากต่อการเดินทางกลับไป บ่อยครั้งที่เอกสารที่ถูกเรียกจะต้องออกโดยอำเภอที่ผู้ขอวีซ่ามีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน แม้ว่าจะเป็นเรื่องปกติสำหรับสถานทูตที่จะออก คำร้องขอเอกสารเพิ่มเติมในลักษณะนี้ แต่ก็สามารถเป็นเรื่องลำบากสำหรับผู้ขอวีซ่าชาวไทยที่จะไปนำเอกสารที่จำเป็นนั้นมาให้ได้

การปฏิเสธวีซ่าภายใต้มาตรา 221 (g) นี้โดยทั่วไปแล้วจะให้เวลาผู้ขอวีซ่า 1 ปีในการหาเอกสารที่ได้รับการร้องขอก่อนที่สถานทูตจะทำการทำลายไฟล์ของคุณ หากไม่ปฏิบัติตามคำร้องขอนี้ ก็อาจจะทำให้คำร้องขอวีซ่าของคุณถูกยกเลิกและต้องเริ่มกระบวนการใหม่อีกครั้งหนึ่ง

เพื่อหลีกเลี่ยงการปฏิเสธวีซ่าภายใต้มาตรา 221 ( G) อาจจะเป็นการดีที่จะขอความช่วยเหลือจากทนายความด้านกฎหมายคนเข้าเมือง เพื่อป้องกันการปฏิเสธวีซ่าภายใต้มาตรา 221 ( G) แต่อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะได้มีการจ้างทนายความแล้ว คุณก็ยังคงสามารถถูกปฏิเสธวีซ่าภายใต้มาตรา 221 ( G) ได้ หากว่ามีเอกสารอื่นที่จำเป็นต้องแสดง เจ้าหน้าที่กงสุลมีอำนาจดุลพินิจอย่างกว้างขวางตามอำนาจเด็ดขาดของกงสุล ดังนั้น คำร้องขอเอกสารเพิ่มเติมโดยเจ้าหน้ากงสุลเป็นเรื่องที่คุณต้องให้การตอบรับคำร้องขอนั้นภายในเวลาที่กำหนดให้

more Comments: 04

6th April 2010

The United States Citizenship and Immigration Service (USCIS) is responsible for overseeing the United States naturalization process. Each year, many Immigrants in the United States take advantage of the ability to naturalize to US Citizenship. For some, the Naturalization test is a daunting prospect. In order to help inform the public, USCIS has provided a video on their website that can be of assistance to those looking into the naturalization process. To quote the USCIS website directly:

“The USCIS Naturalization Interview and Test was developed as an informational resource for individuals interested in learning more about the naturalization process. The 16-minute video provides an overview of the naturalization process including the eligibility requirements, the application process, preliminary steps, the naturalization interview, the English tests and the U.S. history and government test (civics). The video includes two simulated interviews between applicants and USCIS Officers. Individuals applying for naturalization may use this video as a reference tool to prepare for the naturalization interview. Teachers and volunteers can use this video to complement classroom instruction.”

Although naturalization is the most common method employed by foreign nationals seeking US citizenship. Few are aware that there is another method of obtaining Citizenship for the children of United States Citizens who did not receive Citizenship at birth. The Child Citizenship Act of 2000 provides a legal means for the minor children of United States Citizens to obtain American Citizenship.

Another interesting program for those interested in becoming United States Citizens is the expedited naturalization program for those foreign nationals enlisted in the United States military. The expedited naturalization process is a major benefit to foreign nationals and their families who choose to serve in A the United States trmed Forces.

Some are unaware that those who gained United States Lawful Permanent Residence based upon marriage are entitled to faster naturalization. For those who enter the United States and take up Permanent Residence based upon employment, the naturalization process generally takes about 5 years. However, for those married to a US Citizen the process takes 3 years from the time Permanent Residence is approved. This means that the naturalization “clock” starts running for K1 visa holders after the adjustment of status is approved. A CR1 visa holder who enters the country with conditional lawful permanent residence at entry begins accruing  presence that can be used toward naturalization at entry. This being said, a CR1 visa holder must still get a lift of conditions before they will be entitled to a 10 year “Green Card.”

For information about US Immigration from Thailand Please See: American Visa Thailand.


more Comments: 04

The hiring of a lawyer is an important decision that should not be based solely on advertisement. Before you decide, ask us to send you free written information about our qualifications and experience. The information presented on this site should not be construed to be formal legal advice nor the formation of a lawyer/client relationship.