blog-hdr.gif

Integrity Legal

Archive for the ‘้วีซ่าอเมริกาจากประเทศไทย’ Category

13th October 2010

ประเด็นเรื่องการปฏิรูปการเข้าเมือง (CIR) เป็นเรื่องที่ได้รับการกล่าวถึงในบล็อกนี้อยู่หลายครั้งซึ่งเป็นประเด็นที่สำคัญของช่วงการร่างกฎหมายที่กำลังจะมาถึงนี้ บางคนได้รับผลกระทบจากการอนุมัติเป็นกฎหมายตามระบบของการเข้าเมืองอเมริกัน สิ่งที่พึงระลึกถึงคือ ผู้เขียนพบคำถามและคำตอบที่น่าสนใจระหว่างสมาชิกของสื่อมวลชนอเมริกันและประธานาธิบดี บารัค โอบามา สิ่งที่อ้างถึงข้างล่างนี้คัดลอกมาจากบันทึกการถามตอบ (Q&A) ซึ่งโพสต์ในเว็บไซต์สมาคมทนายความคนเข้าเมืองอเมริกัน

อ้างตามบันทึกดังนี้ :

ก่อนที่ผมจะเป็นผู้สมัครประธานาธิบดี แต่อยู่ในขณะที่ผมเป็นวุฒิสมาชิกและเมื่อสมัครเพื่อรับตำแหน่งเป็นวุฒิสมาชิก ผมมักกล่าวอยู่เสมอว่า พวกเราต้องก้าวไปสู่การปฏิรูปการเข้าเมือง

บิล ริชาร์ดสันและผมได้พูดคุยกันหลายครั้งเกี่ยวกับเรื่องนี้ นี่คือชาติของผู้อพยพซึ่งถูกสร้างโดยผู้อพยพ ผู้อพยพจากทั่วทุกมุมโลกนั้นนำความสามารถ การขับเคลื่อน พลังมาสู่ดินแดนแห่งโอกาสนี้ และเรายังเป็นชาติที่มีกฎระเบียบที่จะทำให้ระบบเข้าเมืองนั้นเป็นไปตามขั้นตอนและเป็นไปอย่างถูกต้องยุติธรรม และผมคิดว่า ชาวอเมริกันตระหนักถึงเรื่องนี้ที่จะทำให้ระบบการเข้าเมืองและการรักษาความมั่นคงในดินแดนที่มีคนเข้ามาและออกไปตามความปรารถนา รวมความไปถึงคนพื้นเมืองที่รอคอยอยู่ในเม็กซิโก หรือไนโรบี เคนยา หรือวอร์ซอว์ โปแลนด์ ถ้าคนเหล่านั้นกรอกแบบฟอร์มและทำทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย ใช้เวลา ห้าปี หกปี หรือ สิบปีก่อนที่พวกเขาจะเข้ามาที่นี้และทำให้เป็นไปตามกฎหมาย มันเป็นการไม่ยุติธรรมที่คนพื้นเมืองจะเข้ามาและเพิกเฉยต่อกฎระเบียบบ้านเมือง

ผมคิดว่า เป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับพวกเราที่จะเป็นประเทศชาติที่รักษากฎระเบียบและยึดมั่นในประเพณีคนเข้าเมืองของพวกเรา ปกป้องเขตแดนของเรากันเถอะ มาทำให้ระบบคนเข้าเมืองที่ถูกกฎหมายนั้นมีความเป็นธรรมและมีประสิทธิภาพมากขึ้น หากเวลาที่ใช้ในการรอคอยนั้นลดลง คนส่วนมากมีแนวโน้มที่จะเข้ามาในเส้นทางที่ถูกกฎหมายมากกว่าเส้นทางที่ผิดกฎหมาย มาทำให้แน่ใจกันเถอะว่า พวกเราได้จัดการกับนายจ้างที่เอาผลประโยชน์จากแรงงานที่ไม่มีเอกสารในการไม่จ่ายค่าล่วงเวลา หรือไม่จ่ายค่าแรงขั้นต่ำหรือไม่ให้ลูกจ้างพักเข้าห้องน้ำ มาทำให้แน่ใจว่า เราได้จัดการให้นายจ้างปฏิบัติอย่างเป็นธรรม มาเตรียมวิธีการที่จะทำให้พลเมืองที่อยู่ที่นี่มีความเข้าใจที่ว่า หากพวกเขาละเมิดกฎหมาย เขาต้องจ่ายค่าปรับและจ่ายภาษีย้อนหลัง ผมคิดว่า การเรียนรู้ภาษาอังกฤษจะช่วยทำให้ไม่มีประวัติคดีอาญา แม้จะมีช่องทางที่ช่วยหลีกเลี่ยง แต่การที่จะไปสู่วิธีการตามกฎหมายนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่ควรกระทำ

เป็นที่น่าเสียดาย ปัจจุบันมีการปลุกปั่น คนพื้นเมืองจำนวนมากคิดว่าเป็นวิธีที่ง่ายที่จะทำคะแนนทางการเมืองโดยพยายามที่จะเป็นพวกเขาและพวกเรา แทนที่จะเป็นแค่พวกเรา และผมมีประเด็นทางการเมืองที่น่าสงสัยว่า เป็นการแบ่งแยกแทนที่จะรวมกลุ่มกัน ผมคิดว่า เป็นเวลาที่จะร่วมมือกัน และผมคิดว่า ผู้อพยพเป็นทรัพยากรที่สำคัญทางเศรษฐกิจในการที่จะสร้างความเข้มแข็งแก่ประเทศ เป็นประโยชน์อย่างยิ่งที่พวกเรามีประชากรที่เยาว์วัยกว่ายุโรป หรือญี่ปุ่น เพราะพวกเราต้อนรับผู้อพยพ และนั่นหมายถึงเศรษฐกิจมีความสำคัญมากขึ้นและเรามีคนมากขึ้นในการที่จะทำงานและเริ่มต้นทำธุรกิจและสนับสนุนพวกเราในเวลาที่พวกเราปลดเกษียณ และทำให้ระบบประกันสังคมมีเงินที่เพียงพอ ทั้งหมดที่กล่าวมานี้เป็นสิ่งที่สำคัญ

นี่เป็นเรื่องที่สำคัญ ตามความเป็นจริงแล้ว ปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบัน และผมก็ไม่ต้องการเป็นเหมือนเกาะติดเบสบอลโดยวอชิงตัน แต่โดยหลักแล้วกฎของวุฒิสภาสหรัฐนั้นมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ถ้าไม่มีเสียงสนับสนุน 60 เสียง กฎหมายนั้นก็จะไม่ผ่านวุฒิสภาสหรัฐ หลายปีที่ผ่านมาวุฒิสมาชิกของรีพลับบลิกัน 11 คนที่จะลงคะแนนให้กับการปฏิรูปการเข้าเมือง รวมทั้งจอห์น แมคเคลน พวกเขากลับความเห็นของพวกเขา และในวุฒิสภาไม่ได้รับคะแนนเสียงจากเดโมแครต 60 เสียง

และพวกเรากำลังจะต้องอยู่บนพื้นฐานของสองขั้วพรรคการเมือง และความหวังของผมคือ รีพลับบลิกันผู้ที่บอกปฏิเสธ ผมคิดว่า การใช้วาทศิลป์ท่ามกลางสถานการณ์ ในการที่จะให้พวกเขากลับมาและพูดว่า ทำงานด้วยกันเพื่อจะแก้ปัญหาแทนที่พยายามจะทำคะแนนทางการเมือง โอเค?

สิ่งที่ต้องตระหนักถึงในการยื่นคำขอวีซ่านอกสหรัฐอเมริกา ซึ่งดูเหมือนจะเป็นการไม่เสมอภาคที่จะมีการนิรโทษกรรมแก่ชาวต่างชาติที่ไม่มีเอกสารในสหรัฐอเมริกา มุมมองของผู้อพยพนั้นอาจจะมองว่าไม่เป็นธรรมที่จะอนุญาตให้ผู้ที่ละเมิดกฎมีสิทธิได้รับสิทธิประโยชน์ในขณะที่รอการดำเนินการวีซ่าจากหลายหน่วยงานและกระทรวงต่างๆซึ่งไม่เกี่ยวกับการปฏิบัติที่เป็นพิเศษ พวกเขาต้องยึดตามกฎหมายคนเข้าเมืองอย่างเคร่งครัด ระบบในปัจจุบันจำเป็นต้องมีการปฏิรูป ประธานาธิบดีได้บอกเป็นนัยๆ ปัญหานี้มีหลายแง่มุมและไม่สามารถแก้ได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายซึ่งเป็นสิ่งที่หลายๆคนและองค์กรอื่นๆตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงกฎหมาย กฎระเบียบและนโยบายของคนเข้าเมืองสหรัฐอเมริกา หวังเป็นอย่างยิ่งว่า กรอบการทำงานนี้จะสามารถจัดการกับชาวววต่างชาติที่ไม่มีเอกสาร ในขณะเดียวกันยังคงต้องรักษาความเสมอภาคของผู้ที่เลื่อกที่จะไม่เดินทางเข้ามายังสสหรัฐอเมริกาโดยไม่มีเอกสารที่ถูกต้อง

ในขณะเดียวกัน หลายๆคนหวังว่า กระบวนการตราการปฏิรูปการเข้าเมืองจะสามารถจัดการกับคู่เพศเดียวกันที่เป็นคู่ของคนสองเชื้อชาติให้สามารถใช้สิทธิประโยชน์เรื่องการเข้าเมืองได้อย่างเท่าเทียมกันกับคู่ต่างเพศ ในอดีตการร่างกฎหมาย อย่างเช่น พระราชบัญญัติการรวมกลุ่มของครอบครัวอเมริกัน (UAFA) ซึ่งถูกตราขึ้นเพื่อลดข้อจำกัดของบทบัญญัติในพระราชบัญญัติคุ้มครองการแต่งงาน (DOMA) แต่การตรากฎหมายดังกล่าวนั้นยังต้องผ่านสภาคองเกรสของสหรัฐอเมริกา เมื่อเร็วๆนี้มีการเสนอร่างพระราชบัญญัติในวุฒิสภาสหรัฐเพื่อจะจัดการกับประเด็นเรื่องการปฏิรูปการเข้าเมือง (CIR) และแก้ไขเรื่องการแบ่งแยกความแตกต่างของคู่เพศเดียวกัน(LGBT)โดยDOMA ยังคงเห็นได้ว่า การออกกฎหมายจะสามารถแก้ปัญหาความไม่เสมอภาคโดยการมีกฎหมายที่เหมาะสมกับเรื่องคนเข้าเมือง

To view this post in English please see: CIR.

more Comments: 04

12th October 2010

ตามที่ได้กล่าวถึงในบทความก่อนแล้วเรื่องการที่จะมีการออกกฎหมายคนเข้าเมืองของ LGBT(กลุ่มเลสเบี้ยน เกย์ ไบเซ็กชวลและผู้ที่แปลงเพศ)และการที่คู่เพศเดียวกันมองหาสิทธิที่เท่าเทียมกันในกฎหมายคนเข้าเมืองอเมริกัน เมื่อเร็วๆนี้มีการอ้างถึงในเว็บไซต์ lezgetreal.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์ของสมาชิกวุฒิสภาสหรัฐโรเบิร์ต เมเนนเดซซึ่งมีการนำเสนอการปฏิรูปการเข้าเมือง อ้างถึงเมลินีน นาธานจากเว็บไซต์ที่กล่าวไว้ก่อนหน้านี้

เคทรี ดราสกี้จาก OUT4Immigration กลุ่มของคนส่วนมากที่เป็นสามัญธรรมดาได้จัดกิจกรรมและเขียนจดหมายรณรงค์ตามที่ประกาศอยู่ในเว็บ www.Out4Immigration.org

บล็อกวันนี้ซึ่งสมาชิกวุฒิสภาสหรัฐโรเบิร์ต เมเนนเดซ (D-NJ)นำเสนอการตรากฎหมายเพื่อการปฏิรูปการเข้าเมืองซึ่งเป็นเรื่องที่ครอบคลุมถึงบทบัญญัติของคู่เพศเดียวกัน

การบรรลุผลสำเร็จที่ยิ่งใหญ่เกิดขึ้นหลังจากหลายเดือนของ” โทรศัพท์ จดหมาย และการเข้าเยี่ยมผู้แทนคองเกรสและเจ้าหน้าที่ของOut4Immigration, Immigration Equality บุคคลและกลุ่มบุคคลอุทิศตนเพื่อยุติความแตกต่างของ LGBT(กลุ่มเลสเบี้ยน เกย์ ไบเซ็กชวลและผู้ที่แปลงเพศ) กับคู่ชาวต่างชาติซึ่งรู้จักกันในนาม “คู่เพศเดียวกัน”

ยังคงเป็นเรื่องที่ไม่แน่ชัดว่า การตรากฎหมายจะได้รับการอนุมัติจากสภาคองเกรสสหรัฐจนเป็นกฎหมายสหรัฐอเมริกา แต่ในเบื้องต้นของการตรากฎหมายนั้นสองคดีในศาลกลางของสหรัฐอเมริกาที่จะช่วยเพิ่มความเป็นไปได้ในการเปลี่ยนแปลงข้อบังคับของคู่เพศเดียวกันภายใต้พระราชบัญญัติคุ้มครองการแต่งงาน (DOMA)

มีผู้ที่เห็นว่าพระราชบัญญัติการปฏิรูปการเข้าเมืองนั้นอาจจะไม่สามารบังคับเป็นพระราชบัญญัติอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เนื่องจากต้องมีการอนุมัติในกระบวนการร่างขั้นตอนสุดท้าย กระบวนการตรากฎหมายนั้นยังไม่เสร็จสิ้นจนกระทั่งจะ ได้รับการอนุมัติจากทั้งสภาคองเกรสสหรัฐและวุฒิสภาด้วยการอนุมัติของประธานาธิบดี ประธานาธิบดีควรเลือกที่จะคัดค้านการตรากฎหมาย อาจจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงข้อบังคับการเข่าเมืองที่ใช้อยู่ในปัจจุบันเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ของคู่เพศเดียวกัน (แม้แต่คู่ที่แต่งงานอย่างถูกต้องตามกฎหมายในบางรัฐ) นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงร่างพระราชบัญญัติในขั้นสุดท้ายของการการอนุมัติ อาจจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ในปัจจุบันของคู่เพศเดียวกัน ดังนั้นจนกระทั่งการตรากฎหมายได้รับการอนุมัติ ทั้งผู้สนับสนุนและผู้คัดค้านยังคงจัดการรณรงค์ด้วยเหตุผลของแต่ละฝ่าย

Please follow this link to see this post in English: Same Sex marriage visa

more Comments: 04

7th October 2010

ประเด็นที่เป็นข้อถกเถียงในวงการกฎหมายคนเข้าเมืองเกี่ยวกับการเลือกปฏิบัติและข้อบังคับของกลุ่มเลสเบี้ยน เกย์ ไบเซ็กชวล และผู้ที่แปลงเพศในบริบทของการเข้าเมืองสหรัฐอเมริกา บทความนี้จะชี้แจงเกี่ยวกับวีซ่าสหรัฐอเมริกาของ LGBTสำหรับผู้ที่เป็นคู่รักของพลเมืองอเมริกันและผู้มีถิ่นฐานถาวรอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

คู่ที่มีความแตกต่างทางเพศมักพบปัญหาในการขอวีซ่าสหรัฐอเมริกาประเภทท่องเที่ยวตามมาตรา 214(b) ตามพระราชบัญญัติสัญชาติ และคนเข้าเมืองสหรัฐอเมริกา กฎหมายฉบับนี้ให้เจ้าหน้าที่กงสุลมีอำนาจในการออกวีซ่าแก่ผู้ยื่นคำขอที่มีความตั้งใจจะย้ายไปอยู่สหรัฐอเมริกาเว้นเสียแต่ว่าเขาจะแสดงหลักฐานที่ลบล้างข้อสันนิษฐานนั้น หลักนี้ใช้สำหรับคู่ที่มีความแตกต่างทางเพศของพลเมืองอเมริกันและผู้ที่มีถิ่นฐานถาวรตามกฎหมาย อย่างไรก็ตามมาตรา 214(b) ภายใต้กฎหมายอเมริกันเกี่ยวกับคู่ที่เป็นเพศเดียวกัน รัฐบาลกลางสหรัฐอเมริกาและเจ้าหน้าที่ไม่นำมาตรานี้มาใช้กับคู่เพศเดียวกัน ตั้งแต่มีการบังคับใช้พระราชบัญญัติคุ้มครองการแต่งงาน(DOMA)

การละเลยทางกฎหมายของความสัมพันธ์กับเพศเดียวกันส่งผลให้การขอวีซ่าสหรัฐอเมริกาประเภทท่องเที่ยวนั้นลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับคู่ต่างเพศเนื่องจากเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจสามารถแสดงข้อเท็จจริงได้ว่า คู่เพศเดียวกันไม่สามารถที่จะใช้วีซ่าประเภทท่องเที่ยวเพื่อที่จะปรับเปลี่ยนประเภทของวีซ่าสหรัฐอเมริกาเนื่องจากUSCISไม่สามาถปรับเปลี่ยนประเภทวีซ่าของคู่เพศเดียวกัน แม้ว่าการแต่งงานนั้นจะถูกต้องตามกฎหมายของอเมริกาตามพระราชบัญญัติการคุ้มครองการแต่งงาน ดังนั้นการขอวีซ่าสำหรับคู่เพศเดียวกันนั้นอาจจะได้รับการอนุมัติวีซ่ามากกว่าคู่ต่างเพศ แต่คู่ต่างเพศอาจแต่งงานได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายในสหรัฐอเมริกาและดินแดนที่มีเขตอำนาจและสามารถทำคำร้องเพื่อขอรับสิทธิประโยชน์ได้ ผู้ที่จะได้รับสิทธิประโยชน์ของวีซ่าสหรัฐอเมริกาประเภทคู่หมั้นนั้นขึ้นอยู่กับการดำเนินการตามกฎหมายภายใน 90 วันนับแต่วันที่คู่หมั้นชาวต่างชาติเข้าไปในสหรัฐอเมริกา

จนกระทั่งมีการยกเลิกพระราชบัญญํติคุ้มครองการแต่งงานโดยสภาคองเกรส (อาจเกิดขึ้นในช่วงของการปฏิรูปการเข้าเมือง) หรือโดยศาลสหรัฐอเมริกา(อาจจะเกิดขึ้นในกรณีที่หนึ่งในสองคดีอยู่ในอำนาจของศาลอุทธรณ์) คู่เพศเดียวกันอาจจะได้รับสิทธิประโยชน์ที่ใกล้เคียงกันกับคู่ต่างเพศในเรื่องของการดำเนินการขอวีซ่าท่องเที่ยว

more Comments: 04

4th October 2010

บทความนี้ขอนำเสนอมุมมองในการขอวีซ่าสหรัฐอเมริกาประเภทท่องเที่ยวสำหรับแฟนชาวต่างชาติของพลเมืองอเมริกัน

พลเมืองอเมริกันหลายคนต่างละเลยข้อเท็จจริงที่ว่า กงสุลอเมริกันมีอิสระในการพิจารณาคำขอวีซ่าประเภทที่ไม่ใช่ผู้อพยพ ( non-immigrant)ซึ่งมีการยื่นคำขอจากทั่วโลก สิ่งที่ต้องตระหนักถึงคือ ในแต่ละปี ชาวอเมริกันทั้งชายและหญิงเดินทางออกนอกสหรัฐอเมริกาและพบกับคนที่พิเศษ ในสถานการณ์นี้อาจมีคำถามมากมายเช่น ต้องทำอย่างไรที่จะขอวีซ่าสำหรับแฟนชาวต่างชาติเพื่อเดินทางมาที่สหรัฐอเมริกา คำตอบสำหรับคำถามนี้อาจไม่ง่ายเหมือนจุดเริ่มต้น

อ้างถึงมาตรา 214(b) พระราชบัญญัติสัญชาติและการเข้าเมืองสหรัฐอเมริกา เจ้าหน้าที่กงสุลในองค์กรของสหรัฐอเมริกา สถานทูตอเมริกา หรือสถานกงสุลสหรัฐอเมริกาสันนิษฐานว่าผู้ยื่นคำขอวีซ่าประเภทที่ไม่ใช่ผู้อพยพ (non-immigrant )เป็นผู้ที่มีเจตนาที่จะอพยพเข้าเมือง เว้นเสียแต่ว่าพวกเขาจะพิสูจน์ได้ว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้น สิ่งเหล่านี้นำไปสู่การวิเคราะห์ข้อเท็จจริงโดยเจ้าหน้าที่กงสุลเจ้าหน้าที่กงสุลต้องเชื่อว่า ผู้ยื่นคำขอมีความผูกพันอย่างแน่นแฟ้นต่อประเทศของผู้ยื่นคำขอหรือประเทศอื่นๆนอกจากสหรัฐอเมริกาและต้องมีความผูกพันที่ไม่มากกับสหรัฐอเมริกา ในหลายๆกรณีการที่มีแฟนเป็นคนอเมริกันนั้นส่งผลให้ความผูกพันแน่นแฟ้นกับประเทศบ้านเกิดนั้นน้อยลงและนำไปสู่การปฏิเสธวีซ่าตามาตรา 214(b) เหตุผลนี้เป็นส่วนหนึ่งที่เจ้าหน้าที่สถานทูตไม่ควรที่จะแปลความหมายผิด เจ้าหน้าที่สามารถที่จะปฏิเสธคำขอวีซ่าท่องเที่ยวได้ตามกฎหมายถ้าผู้ยื่นคำขอไม่สามารถพิสูจน์ข้อสันนิษฐานตามมาตรา 214(b)

ด้วยเหตุผลที่สนับสนุน การที่จะพิสูจน์ให้ได้ตามมาตรา 214b แทบจะเป็นไปไม่ได้ในบางเขตอำนาจกงสุล สิ่งที่ทำให้สถานการณ์แย่ลงจากตัวอย่างที่ผ่านมามีการใช้วีซ่าประเภทที่ไม่ใช่ผู้อพยพ(non-immigrant visa)ในทางที่ผิดส่งผลถึงคำขอของการปรับเปปลี่ยนสถานะกับบริการคนเข้าเมืองและพลเมืองอเมริกา (USCIS)ตามสถิตินี้ ข้อสันนิษฐานตามกฎหมายมาตรา 214(b)ทำไห้ไม่มีความหวังในการขอวีซ่าสหรัฐอเมริกานั้นตั้งแต่เริ่มต้น

สิ่งที่ควรตระหนักถึงคือ มีหลายคู่ที่หลังจากทำความรู้จักซึ่งกันและกันและพัฒนาความสัมพันธ์ให้คงอยู่ตลอดไปสามารถที่จะรับสิทธิประโยชน์จากวีซ่าครอบครัวอเมริกัน แตกต่างจากวีซ่าประเภทไม่ใช่ผู้อพยพ (non-immigrant visa) ผู้ยื่นขอวีซ่าประเภทผู้อพยพ (immigrant visa) (หรือผู้สมัครวีซ่าที่มีวัตถุประสงค์สองอย่าง)ไม่ขึ้นอยู่กับการตรวจสอบของกงสุลตามมาตรา 214 (b)ของ INA ดังนั้นการที่จะขอวีซ่าประเภทK1, IR1 และ CR1 ไม่จำเป็นต้องเป็นไปตามมาตรา 214(b) อาจกล่าวได้ว่าการยื่นคำขอวีซ่านั้นต้องอยู่บนพื้นฐานของความสุจริตและวีซ่าครอบครัวต้องมีความสัมพันธ์ที่แท้จริงที่จะได้รับสิทธิประโยชน์จากวีซ่าอเมริกา

more Comments: 04

23rd September 2010

ผู้เขียนพบปัญหามากมายจากการที่คนเข้าเมืองติดต่อกับตัวแทนหรือผู้เชี่ยวชาญด้านการบริการคนเข้าเมืองสหรัฐอเริกาที่ไม่ได้รับอนุญาต กฎหมายอเมริกันและกฎเกณฑ์ของรัฐบาลกลางนั้นระบุชัดเจนว่า ผู้ที่จะได้รับอนุญาตในการให้บริการทางกฎหมายก่อนที่จะมาถึงขั้นตอนของการบริการพลเมืองอเมริกันและการเข้าเมือง (USCIS) หรือตัวแทนอื่นที่อยู่ภายใต้การควบคุมของกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ (DHS) ผู้ที่จะให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการเข้าเมืองสหรัฐอเมริกาคือ ทนายความที่ได้รับอนุญาตจากสหรัฐอเมริกาเท่านั้น นอกจากนี้ทนายความเหล่านั้นที่จะมีสิทธิเก็บค่าธรรมเนียมในฐานะเป็นตัวแทนของลูกความก่อนที่จะถึงขั้นตอนของDHS เช่น USCISต้องเป็นทนายความที่ได้รับอนุญาตจากศาลสูงสุดของที่ใดที่หนึ่งคือ สหรัฐอเมริกา สหพันธรัฐ หรือเขตชายแดน

เป็นที่น่าเสียดายที่มีองค์กรที่ไม่ได้รับอนุญาตอยู่ทั่วโลกที่อ้างว่าสามารถให้คำแนะนำและให้ความช่วยเหลือในเรื่องการเข้าเมืองของอเมริกัน อินเตอร์เน็ตเป็นเครื่องมือที่ดียิ่งที่จะค้นหาข้อมูลการเข้าเมืองสหรัฐอเมริกา ในขณะเดียวกันอินเตอร์เน็ตก็เป็นแหล่งของปฏิบัติการที่มีการอ้างว่า เป็นผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายโดยปราศจากการอบรมหรือใบอนุญาตใดๆ คุณควรที่จะหลีกเลี่ยงการให้ข้อมูลและสิทธิส่วนบุคคลเนื่องจากคุณอาจจะไม่ได้รับการคุ้มครองทางกฎหมายระหว่างทนายความอเมริกันและลูกความ

ผู้ที่ไม่ได้รับการฝึกอบรมทางกฎหมายหรือไม่มีใบอนุญาตใดๆที่จะให้บริการทางกฎหมายในเขตที่ให้อำนาจหรือในเรื่องที่เกี่ยวข้องไม่สามารถให้คำปรึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือให้ความมั่นใจในการช่วยเหลือ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญในการเตรียมข้อมูลก่อนที่จะนำไปสู่ขั้นตอนของการบริการคนเข้าเมือง ตัวแทน สถานทูตสหรัฐอเมริกา หรือสถานกงสุลสหรัฐอเมริกาในต่างประเทศ ตามที่ได้กล่าวไปข้างต้นแล้วนั้น ลูกความที่ใช้บริการทางกฎหมายที่ไม่ได้รับอนุญาตโดยที่ผู้ให้บริการเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนมากกว่านั้นย่อมตกอยู่ในความเสี่ยง

เมื่อเปรียบเทียบราคาของการบริการทางกฎหมายนั้นเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องทำความเข้าใจกับบทบาทของการได้รับอนุญาตในขณะที่ตัดสินใจจะรับคำปรึกษา การให้บริการทางกฎหมายที่ได้รับอนุญาตด้วยราคาที่สมเหตุสมผลที่ได้รับอนุญาตนั้นย่อมไม่ก่อให้เกิดปัญหาแก่ลูกความ โดยทั่วไปแล้ว ผู้ที่อ้างว่ามีความเชี่ยวชาญจะดำเนินการเพื่อความมั่งคั่งของธุรกิจ เมื่อเปรียบเทียบกับการให้บริการทางกฎหมายของทนายความอเมริกันแล้ว กฎหมายอเมริกันนั้นไม่ให้ผู้ที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการเข้าเมือง กล่าวโดยย่อแล้ว ไม่มีใครที่จะสามารถเปรียบเทียบการให้บริการทางกฎหมายที่ผิดกฎหมาย เพราะการให้บริการที่ผิดกฎหมายนั้นไม่สามารถจะให้บริการได้เลย แม้จะด้วยราคาเท่าใดก็ตาม

หากท่านต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาปรึกษาK1 วีซ่า ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ การเข้าเมืองของสหรัฐอเมริกาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โปรดดูรายละเอียดที่ USCIS

more Comments: 04

17th June 2010

To see this post in English please see: LGBT immigration

ประเด็นที่มีการถกเถียงบ่อยๆบนบอร์ดนี้คือ สิทธิตามกฎหมายคนเข้าเมืองของ เลสเบี้ยน เกย์ ไบเซ็กชวล และ บุคคลแปลงเพศ ไม่นานมานี้กระทรวงต่างประเทศของสหรัฐอเมริกาประกาศระเบียบปฏิบัติใหม่ที่จะนำมาปรับใช้แก่ผู้ที่ต้องการขอมีหนังสือเดินแทนและแจ้งเกิดนอกราชอาณาจักร  เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนเพศ  ด้านล่างคือข้อความที่ตัดทอนมาโดยตรงจากประกาศ

กระทรวงต่างประเทศสหรํฐมีความยินดีในโอกาสเดือนแห่งศักดิ์ศรีชาวเกย์ เลสเบี้ยน ไบเซ็กชวล บุคคลแปลงเพศ ที่จะประกาศระเบียบนโยบายใหม่เกี่นวกับการเปลี่ยนเพศในหนังสือเดินทางและการแจ้งเกิดนอกราชอาณาจักร เริ่มตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน เมื่อผู้ขอหนังสือเดินทางแสดงใบรับรองการผ่านการวินิจฉัยของแพทย์ว่าเป็นผู้ที่แปลงเพศโดยถูกต้องทางการแพทย์ หนังสือเดินทางใหม่จะออกให้ตามเพศใหม่ ระเบียบนี้รวมถึงรายละเอียดของข้อมูลที่ต้องมีในใบรับรอง มีความเป็นไปได้ที่จะขอหนังสือเดินทางที่มีกำหนดอายุหากว่ารายงานของแพทย์แสดงว่าผู้ขอหนังสือเดินทางอยู่ในระหว่างกระบวนการแปลงเพศ ไม่ต้องใช้บันทึกการรักษาพยาบาล การผ่าตัดแปลงเพศไม่จำเป็นต้องมีขึ้นก่อนการออกหนังสือเดินทาง การแจ้งเกิดนอกราชอาณาจักรยังสามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ตามเพศใหม่ เช่นเดียวกับผู้ขอหนังสือเดินทางคนอื่นๆ เจ้าหน้าที่ออกหนังสือเดินทาง ณ สถานทูต และกงสุลในต่างประเทศ และ ตัวแทนและศูนย์ออกหนังสือเดินทางในประเทศจะถามคำถามที่จำเป็นเพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับสัญชาติและลักษณะจำเพาะบุคคล

นโยบายและวิธีปฏิบัติใหม่นี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานและการปนะนำของ องค์กรสุขอนามัยบุคคลแปลงเพศโลก (WPATH) รับรองโดยแพทย์สภาอเมริกันให้เป็นผู้มีอำนาจในเรื่องนี้

ถึงแม้ว่าประกาศนี้จะทำให้เกิดวินาทีแปลงโฉมของสิทธิผู้แปลงเพศ ยังคงมีหลายๆคนที่รู้สึกเครียดกับปัญหาในการขอวีซ่าเข้าอเมริกาให้แก่คู่รักที่มีความสัมพันธ์แบบรักร่วมเพศโดยถูกต้อง ในปัจจุบัน กฎหมายเช่น พระราชบัญญัติเพื่อการสมรส ( DOMA) ยังไม่มีผลประโยชน์ทางกฎหมายคนเข้าเมืองสำหรับคู่สมรสร่วมเพศต่างสัญชาติ ในขณะที่บุคคลเพศเดียวกันได้รับผลประโยชน์ตามกฎหมายคนเข้าเมืองทั้งที่สมรสภายใต้เงื่อนไขเดียวกับคู่สมรสเพศเดียวกัน หลายคนรู้สึกว่าความแตกต่างนี้ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญและผิดกฎหมาย อย่างไรก็ตามประเด็นนี้ยังไม่ได้มีการวิเคาระห์ในศาลอเมริกัน

มีนักนิติบัญญัติอเมริกันบางท่านที่พยายามผลักดันร่างกฎหมายเพื่อยุติความไม่เท่าเทียมกันนี้ เช่นพระราชบัญญัติรวมครอบครัว หลายคนหวังว่า การปฏิรูปกฎหมายคนเข้าเมืองให้ครอบคลุมจะรวมเอาข้อบัญญัติเกี่ยวกับสิทธอทางวีซ่าของคู่รักเพศเดียวกันต่างสัญชาติเข้าไปด้วย

K1 วีซ่า

more Comments: 04

11th June 2010

หัวข้อที่ถกเถียงกันบ่อยบนบอร์ดนี้ก็คือ หัวข้อวีซ่าท่องเที่ยว สถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำกรุงเทพมหานครจะออกวีซ่าท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากในแต่ละแ ในอดีต คำร้องขอวีซ่าชั่วคราวจะต้องมีการยื่นแบบ DS-156 แต่ไม่นานมานี้ กระทรวงต่างประเทศได้ประกาศว่าไม่ให้ใช้ฟอร์ม DS-156 กับการขอวีซ่าท่องเที่ยว บีทู (B2)อีกต่อไป

ฟอร์ม DS-160 แบบใหม่ เป็นฟอร์มคำขอวีซ่าชั่วคราวแบบอิเล็กทรอนิกส์ เป็นฟอร์มออนไลน์ที่ใช้บันทึกข้อมูลที่จำเป็นของผู้ขอวีซ่าชั่วคราว ฟอร์ม DS-160 นี้สามารถยื่นผ่านระบบอินเตอร์เนตไปยังกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐโดยตรง เจ้าหน้าที่กงสุลจะอาศัยข้อมูลจากฟอร์ม DS-160 ที่ยื่นเพื่อใช้ประกอบการพิจารณาคำขอวีซ่า ประกอบกับการสัมภาษณ์แบบตัวต่อตัว เพื่อตัดสินว่าผู้ยื่นขอมีคุณสมบัติได้รับวีซ่าชั่วคราวหรือไม่

เห็นได้ชัดว่า ฟอร์ม DS-160 ได้ถูกนำมาใช้เพื่อรวบรัดขั้นตอนการขอวีซ่าของผู้ต้องการขอวีซ่าชั่วคราวเพื่อเข้าประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้เขียนได้ตัดตอนข้อความที่ประกาศไว้มาให้อ่านกันดังต่อไปนี้

สถานทูตของสหรัฐอเมริกาและกงสุลทั้งหมดที่ดำเนินการคำขอวีซ่าชั่วคราวให้ใช้แบบฟอร์มออนไลน์ DS-160 แบบใหม่ ดังนั้นผู้ขอวีซ่าจะต้องใช้แบบฟอร์ม DS-160 ออนไลน์นี้กับการขอวีซ่าชั่วคราวเกือบทุกประเภท แต่ไม่ทั้งหมด โปรดดูหมวด ถาม-ตอบของกระทรวงการต่างประเทศ สำหรับข้อยกเว้นและเพื่อให้ทราบว่าวีซ่าชั่วคราวประเภทใดบ้างที่ยังคงใช้แบบฟอร์ม DS-156 ในขณะนี้

มีหลายๆคนที่กังวลว่าการเปลี่ยนแปลงที่เพิ่งเกิดขึ้นนี้จะส่งผลกระทบกับคำขอวีซ่าประเภทอื่นๆ ความกังวลนี้มักจะเกิดขึ้นกับผู้ที่จะขอวีซ่า K1 หรือ K3 สำหรับคู่หมั้นหรือคู่สมรสต่างชาติ นั่นหมายความว่าคุณอาจจะต้องปรึกษากับที่ปรึกษาชาวอเมริกันที่เชี่ยวชาญเสียก่อนว่าคุณควรจะยื่นแบบฟอร์มประเภทอะไรจึงจะเหมาะกับวีซ่าประเภทที่คุณต้องการยื่นขอ และเช่นเคย คุณควรหมายเหตุไว้ว่าทนายความอเมริกันที่มีใบอนุญาตเท่านั้นที่จะสามารถให้ความช่วยเหลือด้านกฎหมายคนเข้าเมืองอเมริกันได้อย่างถูกกฎหมาย หลายๆคนอาจจะเห็นว่าการขอวีซ่าท่องเที่ยวไม่ต้องอาศัยความช่วยเหลือจากทนายอเมริกัน เนื่องจากจะทำให้เสียค่าใช้จ่ายมากขึ้นปล่าวๆ อย่างไรก็ตาม คำขอวีซ่าสำหรับบุคคลในครอบครัวของชาวอเมริกันบางประเภทนั้น การขอความช่วยเหลือจากทนายอาจจะเป็นประโยชน์มากทีเดียว

ยังควรหมายเหตุไว้อีกว่าผู้ขอวีซ่าหลายๆคนถูกปฏิเสธวีซ่าจากเจ้าหน้าที่กงสุลอาศัยเหตุตาม พระราชบัญญัติคนเข้าเมืองและสัญชาติของอเมริกา มาตรา 214(b) ซึ่งหมายความว่าผู้ขอวีซ่าไม่สามารถพิสูจน์ความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับประเทศบ้านเกิด และความสัมพันธ์ที่เปราะบางกับสหรัฐอเมริกา ผู้ที่ขอวีซ่าไปสหรัฐอเมริกาควรจำไว้ว่าหากว่าการอพยพเป็นเป้าหมายสุดท้ายของคุณแล้วละก็ การขอวีซ่าท่องเที่ยวอาจจะไม่ใช่วีซ่าประเภทที่เหมาะกับคุณ แม้ว่าวีซ่าจะได้รับการอนุมัติโดยกงสุลสหรัฐอเมริกาในต่างประเทศ แต่บุคคลต่างด้าวมีสิทธิที่จะถูกส่งตัวกลับเมื่อไปถึงด่านตรวจคนเข้าเมืองในสหรัฐอเมริกา หากว่า เจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรมีเหตุผลให้เชื่อได้ว่าผู้ขอวีซ่านั้นเป็นผู้ที่แฝงไปด้วยเจตนาอพยพเข้าสหรัฐอเมริกาเป็นการถาวร

more Comments: 04

5th June 2010

To see this information in English please see: K1 visa

สำหรับคนที่พาคู่หมั้นต่างด้าวเข้ามาในอเมริกา คำถามที่มีให้พบอยู่บ่อยๆคือ “ทำอย่างไรหากว่าคู่หมั้นของฉันอยากจะทำงานในอเมริกาก่อนที่จะปรับเปลี่ยนสถานภาพเสร็จ” คำตอบสำหรับคำถามนี้ค่อนข้างจะสลับซับซ้อน เมื่อคู่หมั้นต่างด้าวเข่าสหรัฐอเมริกาด้วยวีซ่าชั่วคราว เควัน หรือ เค ทรี การเข้าเมืองไม่อนุญาติให้ทำงานในสหรัฐอเมริกา จนกว่าคนต่างด้างนั้นจะปรับเปลี่ยนสถานภาพเป็นผู้อยู่อาศัยถาวรได้แล้วเสร็จ (ได้กรีนการ์ด ) หรือได้ขออนุญาตทำงานในสหรัฐ ไม่นานมานี้ USCIS ประกาศว่าเพื่อพยายามลดการเข้าเมืองโดยฉ้อฉล เอกสารอนุญาติทำงานแบบใหม่จะมีการออกให้ ข้อความด้านล่างสรุปมาจากประกาศของ USCIS

USCIS ได้ประกาศในวันนี้ว่าได้ปรับเปลี่ยนดูเอกสารอนุญาตทำงาน หรือแบบ I 766 โดยได้เพิ่มแถบแม่เหล็กเข้าไปด้านหลังบัตรอนุญาตทำงาน ความคืบหน้าในครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งความพยายามของ

USCIS ในการที่จะตรวจสอบการเข้าเมืองโดยฉ้อฉล เริ่มมีผลบังคับใช้วันที่ 11 พฤษภาคม USCIS จะเริ่มออกใบอนุญาตทำงานแบบใหม่นี้ แถบแม่เหล็กแบบนี้เป็นไปตามมาตรฐานองค์กรการบิน USCIS ได้เอาแถบบาร์โค๊ดสองแถบด้านหลังบัตรออกไป และย้ายส่วนข้อความไปอยู่ใต้แถบแม่เหล็กบนการ์ด การ์ดแบบใหม่นี้ยังคงลักษณะเพื่อความปลอดภัยที่มีอยู่ไว้ทั้งหมด

ในกรณีส่วนใหญ่ คู่หมั้นหรือคู่สมรสต่างด้าวของคนสัญชาติอเมริกันจะต้องรอกรีนการ์ดก่อนจึงจะสามารถทำงานได้ อย่างไรก็ตาม บางตัวอย่างที่ไม่เข้ากับกรณีนี้เนื่องจากมีคู่หมั้นหรือคู่สมรสชาวอเมริกันมากมายที่ทำงานให้กับบริษัทข้ามชาติ บริษัทข้ามชาติเหล่านี้บางครั้งก็อยากได้ลูกจ้างที่ไม่ใช่ชาวอเมริกันของพวกเขามาทำงานในสาขาที่สหรัฐให้เร็วที่สุดที่จะทำได้ ดังนั้น ก็มีหลายกรณีที่ใบอนุญาตทำงานแบบเร่งด่วนเป็นเรื่องจำเป็น

ในอดีต ผู้ถือวีซ่า เค ทรี จะต้องขอใบอนุญาตทำงานที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองที่เข้าสหรัฐ และเนื่งจากวีซ่า เค ทรี เริ่มจะหายไป ดังนั้นวิธีขออนุญาตทำงานแบบนี้จึงพบเห็นได้ไม่บ่อยเท่าแต่ก่อน อีกปัญหาหนึ่งที่เกี่ยวกับการขอใบอนุญาตทำงานก็คือการขอออกนอกประเทศก่อนกำหนด ผู้ถือวีซ่าคู่หมั้นไม่สามารถออกจากสหรัฐอเมริกาได้ก่อนที่จะปรับเปลี่ยนสถาภาพและคงสถานะวีซ่า เค วัน ไว้นอกเสียจากจะขอและได้รับการอนุญาตให้ออกนอกประเทศก่อนกำหนดได้ ในบางกรณี คู่สมรสที่ยื่นขอออกนอกประเทศก่อนกำหนดก็จะยื่นขอใบอนุญาตทำงานเพื่อทำงานในสหรัฐไปด้วยในคราวเดียว

For further information in Thai please see:  K1 วีซ่า

more Comments: 04

4th June 2010

To view this post in English please see: US Immigration.

กระทู้นี้จะพูดถึงปัญหาเกี่ยวกับกฎหมายคนเข้าเมืองของสหรัฐ อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนต้องยอมรับว่าไม่ได้พูดถึงแง่คิดด้านปุถุชนปกติเกี่ยวกับกระบวนการคนเข้าเมืองและวีซ่า ขณะที่กำลังเขียนอยู่นี้ก็มีความพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงอย่างสุดโต่งของกฎหมายคนเข้าเมืองอเมริกัน ซึ่งน่าจะเกิดขึ้นผ่านกระบวนการปฏิรุปกฎหมายคนเข้าเมืองและสัญชาติ และกฎหมายอื่นๆให้ครอบคลุมเหตุผลในการปฏิรูปก็ต่างกันไปตามแต่ปัจเจกบุคคลหรือองค์การ นั่นหมายความว่า ข้อความที่ตัดทอนมาจากข่าวในเว็บไซต์ยะฮู ด้านล่างนี้ชี้ชัดในแง่มุมของปุถุชนเดกี่ยวกับปัญหาที่เกี่ยวกับการปฏิรุปกฎหมายคนเข้าเมืองให้ครอบคลุม

เดซี่ คูวาส์ อายุเจ็ดขวบตื่นเต้นเมื่อเห็นตัวเองอยู่บนจอทีวีกับสตรีหมายเลขหนึ่ง มิเชลล์ โอบามา โดยที่ไม่เข้าใจสถานการณ์ที่ยากลำบากที่เธอทำให้พ่อแม่ชาวเปรูที่อยู่โดยผิดกฎหมายต้องประสบ “เธอหัวเราะ กระโดดขึ้นลง เธอตื่นเต้น” หลังจากการพบกันโดยบังเอิญที่โรงเรียนประถมของเดซี่ที่วอชิงตันดีซี คุณตาของเด็กน้อย เจนาโร จุยกา บอกกับผู้สื่อข่าวว่า การออกที่วีทำให้เด็กสาว ป 2 ตัวน้อยกลายเป็นกระบอกเสียงของผู้อพยพที่อยู่โดยผิดกฎหมายในสหรัฐอีกกว่าสิบสองล้านคน  และเป็นหน้าเป็นตาให้แก่ประธานาธิปดีเปรูที่ได้มาเยือนวอชิงตันเมื่อวันอังคาร “แม่หนูบอกว่า บารัค โอบามา จะไล่ทุกคนที่ไม่มีเอกสารออกไปให้หมด” เดซี่บอกแก่สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม ที่โรงเรียนประถมเคหะนิวแฮมเชียร์ ในซิลเวอร์สปริง แมรี่แลนด์ “อืม บางทีเราอาจจะต้องทำอะไรซักอย่าง เพื่อให้คนสามารถอยู่ที่นี่ได้โดยมีเอกสารที่ถูกต้องนะจ๊ะ” มิเชลล์ โอบามา ตอบ “แต่ว่าแม่หนูไม่มีเอกสาร” เดซี่ ผู้ซึ่งเป็นอเมริกันโดยกำเนิดตอบ  แม่ของเธอหน้าถอดสีทันที เธอร้องไห้และวิ่งไปโทรหาพ่อแม่ในลิมา และก็รีบไปหลบเนื่องจากกลัวว่าจะถูกส่งตัวกลับ มีช่วงเวลาตึงเครียดสำหรับคนที่เป็นเหมือนแม่ของเดซี่ แม่บ้านที่มาสหรัฐกับสามีช่างไม้ของเธอตอนที่ท้องเดซี่ได้สองเดือน พ่อแม่ของเดซี่กลัวมาตรการคนเข้าเมืองของสหรัฐ ซึ่งสำหรับคนละตินอเมริกันมีให้เห็นเป็นเยี่ยงอย่างโดยกฎหมายอริโซนาที่มีผลบังคับใช้เมื่อกรกฎาคมที่ผ่านมา ให้สิทธิตำรวจในการเรียกขอดูเอกสารประจำตัวบุคคลต้องสงสัยว่าเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายได้ กระทรวงความมั่นคงของสหรัฐได้รับปากว่าจะไม่ไล่ล่าพ่อแม่ของเดซี่ การสืบสวนคนเข้าเมือง กล่าวไว้ว่า “เพื่อให้แน่ใจว่ากฎหมายได้รับการปฏิบัติตามไม่ใช่ตามการถามตอบในห้องเรียน” อย่างไรก็ตามแม่ของเดซีได้ขอร้องต่อผู้สื่อข่าวไม่ให้เปิดเผยชื่อเธอและสามีในเหตุการณ์วันที่ 19 พฤษภาคม

หลายๆคนหวังว่า “หนทางไปสู่การมีสัญชาติ” ของคนต่างด้าวที่ไม่มีเอกสารในอเมริการ นั้นจะสามารถมีผลได้ผ่านการปฏิรูปกฎหมายคนเข้าเมืองเท่านั้น มีอีกหลายๆคนที่รู้สึกว่าไม่นานมานี้ร่างกฎหมายปฏิรูปกฎหมายคนเข้าเมืองให้ครอบคลุมที่เพิ่งเสนอไปนั้นยังไม่เพียงพอต่อการแก้ไขความไม่เท่าเทียมที่มีให้เห็นในกฎหมายคนเข้าเมืองอเมริกัน เสียงเรียกร้องให้มีการปฏิรูปต่อไปนั่นสังเกตเห็นได้จากการเคลื่อนไหวด้านกฎหมายคนเข้าเมืองของกลุ่มรักร่วมเพศ เลสเบี้ยน ไบเซ็กชวล และบุคคลแปลงเพศ

หวังว่าเราจะได้เห็นโฉมหน้าการปฏิรูปกฎหมายคนเข้าเมืองเร็วๆนี้ แต่ในขณะเดียวกัยเราอาจจะเรียนรู้บางอย่างได้จากเหตุการณ์นี้เนื่องจากแสดงให้เห็นว่า แม้แต่เด็กก้อมองเห็น “ ช่องว่างของความเท่าเทียมกัน “ ซึ่งดูเหมือนว่าจะมีอยู่ในกฎหมายคนเข้าเมืองของอเมริกา

For related information in English please see: US Visa Thailand. For information in Thai please see: K1 วีซ่า.

more Comments: 04

31st May 2010

For the original posting in English please see: US Visa Thailand

สำหรับคนอ่านกระทู้ของผู้เขียนบ่อยๆ  อาจจะเข้าใจหลักพื้นฐานของสิทธิทางด้านคนเข้าเมืองของบุคคลที่นิยมเพศเดียวกัน ( Lesbian, Gay, Bisexual, Transgender ) กฎหมายคนเข้าเมืองของสหรัฐอเมริกา ภายใต้กฎเกณฑ์ปัจจุบัน รวมถึงพระราชบัญญัติปกป้องสิทธิทางการสมรส กำหนดว่าคู่สมรสเพศเดียวกันที่มีสองสัญชาติถูกห้ามไม่ให้รับสิทธิตามกฎหมายคนเข้าเมืองอิงถึงการสมรสเพศเดียวกันที่ถูกต้องตามกฎหมาย คู่รักตามกฎหมาย หรือ คู่สมรสโดยไม่จดทะเบียน นั่นหมายความว่า ในปีที่ผ่านมา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเช่น เจอรี่ แนดเลอร์ ได้เสนอกฎหมายที่รู้จักกันในชื่อ พระราชบัญญัติการรวมครอบครัวอเมริกัน หรือ UAFA ซึ่งกำหนดวิธีการขอรับประโยชน์ทางกฎหมายคนเข้าเมืองสำหรับคู่รักถาวรที่มีเพศเดียวกัน ในกระทู้ก่อนๆ ผู้เขียนได้พูดเรื่องการปฏิรูปกฎหมายคนเข้าเมืองให้ครอบคลุม และ การเปลี่ยนแปลงกฎหมายคนเข้าเมืองของอเมริกา ที่อาจจะมีหรือไม่มี ในเรื่องที่อนุญาติให้คู่รักเพศเดียวกันที่มีสัญชาติต่างกัน ขอรับผลประโยชน์ตามกฎหมายคนเข้าเมืองตามหลักของครอบครัวได้ ในกระทู้ก่อนเราพูดถึงร่างกฎหมายปฏิรูปกฎหมายคนเข้าเมืองที่เสนอโดยสมาชิกสภารัฐอิลลินอยส์ ลูอิส กุทเทอเรส และ ร่างที่ว่าไม่ได้รวมถึงผลประโยชน์ด้านกฎหมายคนเข้าเมืองของบุคคลเพศเดียวกัน หมายเหตุ บทความข้างล่างตัดมาจาก WashingtonBlade.com:

สมาชิกสภาผู้ทรงอิทธิพลหัวก้าวหน้าด้านกฎหมายคนเข้าเมืองได้แนบรวมข้อบัญญัติเกี่ยวกับการปกป้องคู่รักที่มีสัญชาติต่างกันประเภท เลสเบี้ยน เกย์ ไบเซ็กชวล และบุคคลแปลงเพศ เป็นส่วนหนึ่งของร่างปฏิรูปกฎหมายคนเข้าเมืองให้ครอบคลุม จากปฐากฐาเมื่อวันพฤหัส สมาชิกสภา ลูอิส กุทเทอเรส (รัฐอิลลินอยส์) ได้กล่าวสรุปได้ว่าร่างพรบ.ปฏิรูปนี้เป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องอนุญาติให้คนอเมริกันสามารถสนับสนุนการมีถิ่นฐานในสหรัฐให้แก่คู่รักร่วมเพศของตนได้  “ความพยายามในการที่จะแก้ไขระบบกฎหมายคนเข้าเมืองที่แตกร้าวและปกป้องสิทธิพื้นฐานจะไม่เป็นการครอบคลุมกาดว่าเราไม่รวมเอาคู่รักเพศเดียวกันเข้าไปด้วย”  เขากล่าวว่าการผ่านร่างกฎหมายฉบับนี้จะทำให้คู่รักร่วมเพศราวๆ 36,000 คู่ได้อยู่ด้วยกันในสหรัฐอเมริกา หรือที่เรียกว่าร่างพระราชบัญญัติรวมครอบครัวอเมริกัน  ผู้สนับสนุนร่างกฎหมายฉบับนี้ได้มองหาการรวมรวมพระราชบัญญัติเข้าไว้เป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูปกฎหมายคนเข้าเมืองในสภาคองเกรส กุทเทอเรสมีนัดประกาศการสนับสนุนอย่างเป็นทางการของเขาในวันจันทร์ในงานแถลงข่าวที่ชิคาโก อิลลินอยส์ ร่วมกับสมาชิกฯ ไมค์ คลิกลีย์ และ สมาชิกสภาเกย์ จาเร็ด โปลิส ( โคโลราโด)  ซึ่งสนับสนุนการรวบรวมคู่รักร่วมเพศเข้าไปในการปฏิรูปกฎหมายคนเข้าเมือง   ปลายปีที่แล้ว กุทเทอเรสเสนอร่างฉบับของเขาซึ่งเป็นทางเลืกของร่างพรบ.ที่กำลังปฏิบัติกันในเวลาต่อมา อย่างไรก็ตามแม้ว่ากุทเทอเรสจะเป็นผู้สนับสนุนร่วมในหการยกร่างกฎหมาย ร่างกฎหมายก็ไม่ได้รวมเรื่องของคู่รักร่วมเพศไว้ดังที่กล่าว จากคำบอกเล่าของคนในสำนักงานของกุทเทอเรส กล่าวว่า การประกาศครั้งล่าสุดของนักนิติบัญญัติผู้นี้เป็นการยืนยันการรวมเอาสิทธิคู่รักร่วมเพศไว้ในการปฏิรูปที่ครอบคลุม

ในกระทู้ก่อนๆซึ่งพูดถึงการเสนอร่างปฏิรูปกฎหมายคนเข้าเมืองให้ครอบคลุม  ผู้เขียนพบว่า โชคไม่ดีที่ประเด็นการเข้าเมืองของคู่รักร่วมเพศไม่ได้มีการพูดถึงในตัวร่าง นั่นหมายความว่าอย่างไรก็ดีผู้เขียนก็ยังดีในที่ประเด็นนี้ได้ถูกนำมาพูดถึงในเรื่องของการปฏิรูป และหากว่าประเด็นป่านก็จะเป็นการเปลี่ยนแปลงกฎหมายคนเข้าเมืองกลางครั้งใหญ่ในอย่างน้อยที่สุด 25 ปีที่ผ่านมา ด้วยเหตุนี้การที่มันถูกหยิบยกมาพูกถึงก็เหมือนเป็นสัญญาณว่ามีความเป็นไปได้ว่ากฎหมายคนเข้าเมืองอเมริกันจะมีการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้สิทธิแก่คู่รักที่ในขณะเวลาที่กำลังเขียนไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันได้ในสหรัฐอเมริกาเช่นคู่รักต่างเพศ

more Comments: 04

The hiring of a lawyer is an important decision that should not be based solely on advertisement. Before you decide, ask us to send you free written information about our qualifications and experience. The information presented on this site should not be construed to be formal legal advice nor the formation of a lawyer/client relationship.