blog-hdr.gif

Integrity Legal

Posts Tagged ‘วีซ่าคู่เพศเดียวกัน’

26th August 2013

จากการเขียน Blog ครั้งก่อนเรื่องข้อสงสัยเกี่ยวกับการขอย้ายถิ่นที่อยู่ของคู่สมรสเพสเดียวกันนั้น  ขาฯได้พบคำตอบเกี่ยวกับหัวข้อดังกล่าวจากกระทรวงมหาดไทยของสหรัฐฯ ดังนี้:

Q: คำตัดสินของศาลสูงเรื่องคดี Windsor vs. United States มีผลกระทบต่อกฎหมายคนเข้าเมืองอย่างไร?

A: ศาลสูงตัดสินว่า Section 3 ของ DOMA นั้น ขัดต่อรัฐธรรมนูญ จากนี้ไป สถานเอกอัครราชฑูตและสถานกงศุลของสหรัฐฯ จะปฎิบัติต่อการขอวีซ่าของคู่สมรสเพศเดียวกัน ในวิธีการเดียวกับคู่สมรสต่างเพศ  นอกจากนี้ คู่สมรสเพศเดียวกันที่จะเดินทางเข้าสหรัฐเพื่อ – งาน การศึกษา หรืออื่นๆ – จะขอวีซ่าเหล่านั้นได้เช่นกัน  รวมถึงลูกติดของคู่สมรสเพศเดียวกันด้วย

ตามที่เคยสนทนาใน Blog นี้ การที่ศาลลงความเห็นว่า Section 3  ของ DOMA นั้นขัดต่อรัฐธรรมนูญ ส่งผลให้ผู้ที่เป็นคนถือสัญชาติอเมริกันสามารถยื่นขอผลประโยชน์ทางการเข้าเมืองให้คู่สมรส (หรือคู่หมั้น) เพศเดียวกัน กระทรวงมหาดไทยของสหรัฐซึ่งรับผิดชอบเรื่องการออกวีซ่า ยังต้องทำการแจ้งข้อมูลเบื้องต้น  ทางกระทรวงมหาดไทยของสหรัฐได้จัดระบบให้สอดคล้องกับการตัดสินของศาลสูงเรียบร้อยแล้ว

Q: ข้ฯต้องอาศัยอยู่ในรัฐที่ออกกฏหมายยอมรับคู่สมรสเพศเดียวกันหรือไม่เพื่อที่จะขอวีซ่าเข้าเมือง

A: ไม่จำเป็น หากท่านได้จดทะเบียนสมรสในรัฐหรือประเทศที่ยอมรักการจดทะเบียนสมรสของคู่สมรสเพศเดียวกัน ถือว่าทะเบียนสมรสนั้นถูกต้องสำหรับประกอบการยื่นขออนุญาตเข้าเมือง (โปรดอ่านข้อมูลเพิ่มเติมใน Website ของ USCIS – ในหัวข้อ – Citizenship and Immigration Services)

เนื่องจากเขตปกครองของสหรัฐที่ยอมรับการสมรสระหว่างคนเพศเดียวกันนั้นมีไม่มาก และมีหลายรัฐที่ห้ามให้มีการสมรสระหว่างคนเพศเดียวกันนั้น จึงมีข้อสงสัยมากมายทั้งในวงของนักกฎหมายและของคู่สมรสเหล่านั้นด้วย ใน Blog ที่ข้าฯ ได้เขียนก่อนหน้านี้ ข้าฯได้ยืนยันแล้วว่าความถูกต้องขึ้นอยุ่กับ “รัฐที่ได้ทำการจดทะเบียน” นั่นคือ USCIS จะรับรองการยื่นขอย้ายถิ่นที่อยู่ของคู่สมรสเพศเดียวกันก็ต่อเมื่อการจดทะเบียนได้จดในรัฐที่ยอมรับการจดทะเบียนประเภทนี้  นอกจากนี้ ดูเหมือนว่ากระทรวงมหาดไทยของสหรัฐฯก็มีนโยบายที่คล้ายกันคือ จะอนุมัติการขอวีซ่าของคู่สมรสเพศเดียวกัน ต่อเมื่อ USCIS  ได้อนุมัติการเข้าเมืองของคู่ดังกล่าว  แต่อาจมี่เขตปกครองบางเขต ที่อาจยอมรับการครองเรือนของคนเพศเดียวกัน แต่อาจไม่ถือเป็นการสมรส ซึ่งทางกระทรวงมหาดไทยของสหรัฐฯกล่าวว่า:

Q: ข้าฯอยู่ร่วมกันกับคูคนเพศเดียวกัน  เราจะได้รับสิทธิเหมือนคู่ที่ทำการสมรสหรือไม่

A: ณ. เวลานี้ การขอย้ายถิ่นที่อยู่ จะอนุมัติให้เฉพาะบุคคลที่จดทะเบียนสมรสอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

ถึงแม้คำตอบจะดูชัดเจนแล้ว มีหลายคู่อาจมีข้อสงสัยเพิ่มเติมคือ:

Q: ข้าฯถือสัญชาติอเมริกันและมี่คู่หมั้นต่างชาติที่เป็นคนเพสเดียวกันกับข้าฯ แต่ไม่สามารถทำการจดทะเบียนสมรสในประเทศของคู่หมั้น เรามีทางเลือกอย่างไรบ้าง? เราสามารถขอ K-Visa (วีซ่าคู่หมั้น) ได้หรือไม่?

A: คุณสามารถยื่น Form I-129f และขอวีซ่าคู่หมั้น (K-1) หากคุณสมบัติครบตามข้อกำหนดของการขอเข้าเมือง การที่เป็นการหมั้นระหว่างคนเพสเดียวกัน อาจอนุมัติให้ใช้เพื่อเข้าไปจดทะเบียนสมรสในสหรัฐฯ หากต้องการขอข้อมูลเรื่องการปรับสถานะ อ่านได้ใน Website ของ USCIS:

ในเมื่อในเวลานี้ คู่สมรสต่างเพศสามารถยื่นขอ K1 วีซ่า ได้ จึงมีความน่าจะเป็นที่คู่หมั้นที่มีเพศเดียวกันน่าจะยื่นขอ  US fiance visa ได้เช่นกัน หากมีความตั้งใจที่จะไปจดทะเบียนสมรสในเขตปกครองที่อนุญาตการจดทะเบียนสมรสระหว่างคนเพศเดียวกัน

อีกประเด็นที่อาจมีข้อสงสัยคือการออก Non-immigrant visa (NIV)  วีซ่าประเภทนี้ไม่ได้ไม่ได้อนุญาตให้ผู้ถือเปลี่ยนสถานะเป็นผู้ย้ายเข้าเมือง  ทางกระทรวงมหาดไทยได้ให้รายละเอียดดังนี้สำหรับการออก NIV ให้กับคู่สมรสเพศเดียวกันว่า:

Q: คู่ที่เป็นเพศเดียวกันสามารถขอวีซ่าประเภทเดียวกันหรือไม่?

A: ได้  ณ. เวลานี้ คู่สมรสเพศเดียวกันพร้อมลูกสามารถยื่นขอวีซา NIV ได้ คู่ครองเพศเดียวกันและลูก (ถือเป็นลูกเลี้ยงของผู้ยื่นหลัก หากจดทะเบยนสมรสก่อนเด็กอายุครบ ๑๘ ปีบริบูรณ์) ก็ สามารถรับสิทธิขอวีซ่า NIV ถ้ากฎหมายอนุมัติวีซ่าให้  แต่เอกสารเพิ่มเติมคงไม่มีการเปลี่ยนแปลง เช่นเดียวกับการขอให้คู่สมรสเพศเดียวกัน [italics added]

Q: คู่สมรสต่างชาติของข้าพเจ้ามีบุตร ข้าพเจ้ายื่นคำขอพร้อมกับคู่สมรสได้หรือไม่?

A: ได้  บุตรของคู่สมรสต่างชาติจะถือเป็น”ลูกเลี้ยง” ของผู้ถือสัญชาติอเมริกันจึงสามารถรับสิทธิในกลุ่ม IR2 แต่ต้องจดทะเบยนสมรสก่อนเด็กอายุครบ ๑๘ ปีบริบูรณ์

แน่นอน ทางกระทรวงมหาดไทยของสหรัฐฯ ได้อนุมัติให้ลูกเลี้ยงคนคนถือสัญชาติอเมริกันย้ายเข้าเมืองในกรณีที่ คู่สมรสเพศเดียวกันจดทะเบียนสมรสก่อนเด็กอายุครบ ๑๘ ปีบริบูรณ์ ดังนั้น น่าจะเป็นที่เข้าใจว่าเด็กที่กำลังจะเป็นลูกเลี้ยงของคนถือสัญชาติอเมริกันที่ขอวีซ่าประเภทคู่หมั้นคือ  K-2 visa เพื่อทำการสมรสในสหรัฐฯ

หากท่านต้องการข้อมูลจาก Website หาได้ที่: วีซ่าคู่เพศเดียวกัน

more Comments: 04

24th August 2013

หลังจากการที่ศาลตัดสินคดี Windsor ที่มีการอ้างว่า ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มีคู่รักเพศเดียวกันหลายคู่ มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการอพยพเข้าเมืองของสหรัฐ  ทาง USCIS และกระทรวงมหาดไทยของสหรัฐฯ เคยตอบคำถามเรื่องนี้มามากแล้ว และผมเคยปรึกษาหารือเรื่องคำตอบเหล่านี้ ใน Blog นี้มาก่อน แต่กระผมได้สังเกตว่า  USCIS ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องนี้ใน website  ของ  USCIS:

Q1: ข้าฯ เป็นพลเมืองของสหรัฐ  หรือเป็นผู้อาศัย (Permanent Resident) และมีคู่สมรสของข้าฯ เป็นคนเพศเดียวกันและเป็นคนต่างชาติ ขาฯ สามารถรับรองการขอ VISA ย้ายถิ่นที่อยู่ให้กับคู่ของข้าฯ ได้หรือไม่ ? (ใหม่)

A1: ได้ ท่านสามารถยื่นแบบ Form I-130 (และเอกสารอื่น ๆ) สิทธิในการขอย้ายที่อยู่จะพิจารณาตัดสินตามกฎต่างๆ ของการเข้าเมือง และจะไม่ใช้ความเป็นคู่สมรสเพศเดียวกันมาเป็นตัวแปรในการตัดสิน

นอกจากนี้คนอเมริกันหรือ Permanent Resident สามารถยื่นคำขอ คือ IR 1 Visa, CR 1 Visa  หรือตัวเสริมคือ K3 Visa   เพื่อให้คู่สมรสเข้าเมือง  นอกจากนี้ เมื่อยื่นขอ Visa ที่สถานฑูตหรือสถานกงศุลของสหรัฐฯ การพิจารณาการขอ Visa จะพิจารณาเช่นเดียวกับ การพิจารณาการขอ Visa  ของคู่สมรสต่างเพศ

ประเด็นที่หลายคู่สงสัย คือ ข้อแตกต่างระหว่างรัฐที่อาศัยอยู่กับรัฐที่จดทะเบียยนสมรส เพราะมีไม่กี่รัฐที่อนุญาติให้คนเพศเดียวกันจดทะเบียนสมรส ในขณะที่บางรัฐไม่ยอมรับการสมรสระหว่างเพศเดียวกัน และอาจะไม่อนุญาติให้จดทะเบียน   USICS ได้อธิบายเพิ่มเติมในประเด็นนี้:

Q3: ข้าฯ และคู่สมรสได้จดทะเบียนในรัฐ ในสหรัฐฯ หรือในประเทศที่ยอมรับ การสมรสระหว่างคนเพศเดียวกัน แต่เราอาศัยในรัฐที่ไม่อนุญาติให้จดทะเบียนสมรส ข้าฯ สามารภยื่นขอให้คู่ครองย้ายเข้าเมืองได้หรือไม่

A3: ได้เพราะ สถานภาพการสมรส จะพิจารณาจากรัฐที่ได้ทำการจดทะเบียน หากกฎหมายของรัฐนั้นอนุญาตให้ คนเพศเดียวกันจดทะเบียนสมรสได้ ถือว่าเป็นการจดทะเบียนที่ถูกต้องตามกฎหมาย แล้วใช้ในการประกอบการพิจารณา การขอย้ายเข้าเมืองได้

อาจมีบางกรณีที่จะมีผลทำให้ กฎหมายของที่อาศัยมีผลต่อบางประเด็น แต่โดยรวมแล้ว ทาง USCIS จะนำกฎหมายของรัฐที่คู่สมรสได้ดำเนินการจดทะเบียน มาใช้ในการพิจารณาการขอย้ายถิ่นที่อยู่

นอกจากนี้ ข้าฯ ก็ไม่เคยได้ยินว่า  Section 2 ของ DOMA จะขัดต่อรัฐธรรมนูญ  ดูด้จากคำอธิบายต่อไปนี้:

Q5: Form I-130 หรือคำขออื่นๆได้ถูกปฎิเสธโดยอ้างกฎของ DOMA เพียงอย่างเดียว ข้าฯ ควรทำอย่างไรต่อ?

A5: USCIS จะนำคำขอที่ถูกปฎิเสธเพราะ DOMA Section 3 มาพิจารณาอีกรอบ ถ้าหากมีข้อมูลเรื่องธุรกรรมเหล่านี้ USCIS จะนำคำตัดสินมาพิจารณาอีกครั้ง ซึ่งจะปฎิบัติเช่นนี้กับทุกกรณีที่ได้รับการปฎิเสธ ใน Form I-130 (เช่น Form I-485 ที่นำยื่นในเวลาเดียวกัน)

  • USCIS จะนำ Form I-130 ที่ได้รับการปฎิเสธเนื่องจาก DOMA Section 3 หลัง 23 กพ. 2011  มาพิจารณาอีกรอบ และ USCIS จะติดต่อไปยังผู้ยื่นคำขอโดยใช้ที่อยู่ในใบคำขอ เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติม
  • หากคุณได้มีคำขอที่ได้รับการปฎิเสธ เนื่องด้วย กรณีดังกล่าวข้างต้น คุณสามารถส่ง email ส่วนตัว (ที่สามารถรับคำตอบได้) ไปยัง USCIS <[email protected]> เพื่อแจ้งการร้องเรียน  ทาง USCIS จะตอบอีเมล์แล้วขอข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อประกอบการพิจารณา
  • ถ้าหากการปฎิเสธ คำขอ I-130 เกิดขึ้นก่อน 23 กพ. 2011 กรุณาแจ้ง USCIS ก่อน 31 มีค. 2014  เพื่อให้ USCIS ดำเนินการเปิด I-130 ของคุณ  กรุณาแจ้งจำนงไปยัง  < [email protected] > โดยเขียนว่า ทางคุณมีข้อสงสัยว่า การยื่นคำขอของคุณได้รับการปฎิเสธเพราะ  DOMA Section 3

พอทางการเริ่มพิจารณา I-130 ของท่าน จะเสมือนเป็นการพิจารณาใหม่โดยไม่คำนึงถึง DOMA Section 3 แล้วจะพิจารณาตามข้อมูลเก่า และข้อมูลเพิ่มเติม ในเวลาเดียวกัน USCIS จะนำคำขออื่นๆ มาพิจารณาตามความจำเป็น หากคำขอเหล่านั้น ถูกปฎิเสธ เนื่องจากการปฎิเสธ I-130 (เช่น Form I-485 เป็นต้น)

นอกจากนี้การขออนุญาติทำงานที่ถูกปฎิเสธเนื่องจากการปฎิเสธ Form I-48S ก็จะนำมาพิจารณาต่อ และจะออกใบอนุญาติทำงานหากอนุมัติ หากการตัดสินเกิดการล่าช้า  USCIS จะ (1) ยื่นเรื่องใหม่ทันที หรือ (2) พิจารณาและอนุมัติคำขอที่เคยถูกปฎิเสธ

  • หากมี form อื่นๆ (นอกจาก I-130) ที่ได้รับการปฎิเสธเรื่องจาก DOMA section 3 กรุณาแจ้ง USCIS ก่อน 31 มีค. 2013 โดยส่ง email ไปยัง <[email protected]>

จะไม่มีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นในการร้องขอให้ USCIS นำคำขอมาพิจารณาใหม่ แต่หากท่านต้องการยื่นคำขอใหม่ ท่านสามารถทำได้พร้อมจ่ายค่าธรรมเนียม ตามที่แจ้งได้

USCIS จะดำเนินธุรกรรมตามกฎและนโยบายของศาลสูง ซึ่งการนำใบสมัครของคู่สมรสที่มีเพศเดียวกันมาพิจารณาอีกรอบ ชี้ให้เห็นว่า ทางองค์กรมุ่งที่จะส่งเสริมความเท่าเทียมของครอบครัวทุกประเภท

หากท่านต้องการข้อมูลจาก Website หาได้ที่: วีซ่าคู่เพศเดียวกัน

more Comments: 04

1st June 2011

เมื่อเร็วๆนี้มีสิ่งที่เป็นที่น่าสนใจคือ ตำแหน่งรีพลับลิกันที่เกี่ยวกับการแต่งงานเพศเดียวกันในเมืองโคลัมเบีย (วอชิงตัน ดี.ซี.) เป็นที่น่าจับตามองของทั้งสื่อและผู้สังเกตการณ์ทางการเมือง อ้างโดยตรงจากบทความที่เขียนโดยเบน เพิร์ซชิ่งและเขียนในเว็บไซต์ของวอชิงตันโพสต์ ในวอชิงตัน ดอทคอม

ความพยายามที่ผ่านมา รีพลับลิกันอาจไม่ได้รับข้อแก้ตัวในปีนี้ในกฎหมายแต่งงานเพศเดียวกันของรัฐ ไม่มีพระราชบัญญัติที่ถูกยก และผู้ร่างกฎหมายที่ได้รับการสนับสนุนจากเพื่อนร่วมงานสำหรับมาตรการบางอย่าง

สำหรับผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับรัฐธรรมนูญสหรัฐอเมริกา พึงระลึกถึงข้อเท็จจริงว่า สภาคองเกรสสหรัฐอเมริกานั้นรับผิดชอบในการบริหารเมืองหลักของสหรัฐอเมริกา ขอบเขตของอำนาจนั้นขยายไปในบริบทของรัฐเอกราชที่จะมีมุมมองในประเด็นระหว่างรัฐ แต่อย่างไรก็ตามรัฐของโคลัมเบียนั้นโดยลักษณะธรรมชาติแล้วแตกต่างจากรัฐเอกราชที่มีกฎเกณฑ์ทางกฎหมายและการวิเคราะห์ที่นำมาใช้ระหว่างรัฐที่แตกต่างกันอาจจะใช้กับรัฐที่แตกต่างกัน อ้างเพิ่มเติมจากบทความที่กล่าวถึง

ประธานการปฏิรูปรัฐบาลและสภา  แดร์แรล อิสซา (อาร์-แคลิฟ) กล่าวว่า เขารู้ว่าไม่มีการรณรงค์การยกเลิกกฎหมาย “กรรมการไม่มีความตั้งใจในการที่จะพลิกการแต่งงานของคู่เกย์” อิสซ่ากล่าวในเดือนนี้ แม้ว่าต่อมาเขาจะชี้แจงเพื่อตัวเองและไม่ได้เพื่อผู้ร่างกฎหมายแต่ละคน ผู้แทน เทรย์ โกว์ดี้ (อาร์-เอส.ซี.) ขณะนี้ดำรงตำแหน่งประธานของคณะกรรมการย่อย ตอบคล้ายๆกันเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เขากล่าวในการสนับสนุนพระราชบัญญัติที่จะกลับกฎหมายการแต่งงานของเพศเดียวกันถ้ามีการเสนอกฎหมาย แต่ไม่มีผลประโยชน์ใดๆกับความพยายามดังกล่าว “ข้าพเจ้าไม่ได้รับเลือกเป็นผู้ว่าการรัฐดี.ซี. และไม่ได้ปรารถนาที่จะเป็น” กาวด์ดี้กล่าว ซึ่งสะท้อนเสียงวิจารณ์ในประเด็นท้องถิ่น ข้อเท็จจริงที่ว่า ไม่มมีรีพลับบลิกันที่จะนำเสนอพระราชบัญญัติในปีนี้ที่จะส่งสัญญาณว่าใช้แผนที่จะใช้เทคนิคที่แตกต่าง

ผู้เขียนบล็อกแนะนำเป็นอย่างยิ่งว่า ผู้อ่านควรคลิกไปยังลิงค์ที่เกี่ยวข้องเพื่อที่จะดูบทความทั้งหมด

ผู้สังเกตการณ์กล่าวข้างต้นว่า หลักสำคัญของการวิเคราะห์ใดๆในประเด็นที่โจมตีกลุ่มเพศที่สามด้วยความหวังที่จะผ่านร่างกฎหมาย  เช่นพระราชบัญญัติการรวมครอบครัวอเมริกัน (UAFA) พระราชบัญญัติการคุ้มครองสิทธิการแต่งงาน หรือพระราชบัญญัติการรวมตัวกันใหม่ของครอบครัว จากการสนับสนุนของสองฝ่ายนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญ อ้างต่อว่า สิ่งที่ปรากฏว่า ยังคงมีนโยบายที่คงอยู่และสอดคล้องต่อกลุ่มของเพศที่สาม ปัจจุบันนี้มีสัญญาณที่บอกว่า “เป็นมิตร” กับสิทธิโดยเฉพาะอย่างยิ่งสิทธิของรัฐที่จะยกการประเด็นตามรัฐธรรมนูญในการยื่นพระราชบัญญัติคุ้มครองการแต่งงาน (DOMA)

ในปัจจุบันนี้ รัฐอิสระในสหรัฐอเมริกา เช่น คอมมอนเวลท์ของแมสซาชูเสสมีการเรียกร้องของประชาชนให้มีการวางมาตรการให้เป็นไปตามกฎหมายและปฏิบัติตามกฎหมายและ หรือ รับรองการแต่งงานหรือสถานะของเพศเดียวกัน ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ข้อเท็จจริง รัฐบาลกลางของสหรัฐอเมริกาจะไม่ได้ให้สิทธิส่วนกลาง  (เช่น สิทธิประโยชน์การเข้าเมือง) แม้ว่ผู้ที่แต่งงานในเขตรัฐอิสระในสหรัฐอเมริกา

ในความเห็นของผู้เขียน ประเด็นเรื่องการแต่งงานของเพศเดียวกันในสหรัฐอเมริกาอาจจะได้รับการคลี่คลายโดยศาลสหรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นคดีที่ตัดสินโดยศาลสูงสุดของสหรัฐอเมริกา บทความนี้ให้ข้อคิดเห็นหลังจากประเด็นที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อถือและความสุจริต และหลักพื้นฐานความเชื่อถือและความสุจริตของรัฐธรรมนูญสหรัฐอเมริกา สิ่งที่พึงระลึกถึงคือ ผู้อ่านพึงเข้าใจว่า ประเด็นเหล่านี้ได้รับผลลัพธ์เต็มรูปแบบแล้ว

ในขณะเดียวกันเป็นสิ่งที่ปรากฏว่า นักเคลื่อนไหวในกลุ่มของเพศที่สามนานาชาติได้ดำเนินการที่จะให้สิทธิที่เท่าเทียมกันในส่วนอื่นๆของโลกในฐานะของหนังสือพิมพ์เดอะเนชั่นที่ตีพิมพ์ในประเทศไทยรายงานว่า นักเคลื่อนไหวเพศที่สาม กำลังหาเสียงสนับสนุนทางการเมืองในประเด็นที่เกี่ยวกับการแต่งงานของเพศเดียวกันในการจัดการเลือกตั้งในประเทศไทย อ้างโดยตรงจากเว็บไซต์ที่เป็นทางการของเนชั่น เนชั่นมัลติมีเดีย ดอทคอม:

นักเคลื่อนไหวที่เรียกว่า “เพศที่สาม” เช่น เกย์ เลสเบี้ยน และการแปลงเพศ ได้มีการเคลื่อนไหวทางการเมืองเพื่อที่จะผ่านกฎหมายการแต่งงานเพศเดียวกัน นที ธีระโรจนพงศ์ ประธานของกลุ่มความหลากหลายทางเพศ และกลุ่มการเมืองเกย์ของประเทศไทย และนักร้องที่แปลงเพศแล้วที่เป็นที่รู้จักคือ จิม ซาร่าห์ (สุจินรัตน์ ประชาไทย)กล่าวเมื่อวานนี้ว่า เขาไปยังพรรคประชาธิปัตย์และเพื่อไทยวันนี้เพื่อที่จะถามถึงงสิทธิของเพศที่สามหากพรรคจะเป็นผู้นำในรัฐบาลต่อไป กลุ่มของพวกเขากำลังหาพันธะสัญญาจากหลายๆฝ่ายและเขาควรจะได้รับการสัญญาตามที่เขาสนับสนุนหลายๆฝ่าย

ผู้เขียนเว็บบล็อกนี้ขอแนะนำให้ผู้อ่านคลิกในลิงค์ข้างบนเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมจากมุมมองและบความที่กล่าวถึงข้างต้น

ผู้อ่านควรตระหนักถึงข้อเท็จจริงที่ว่า ประเทศไทยเป็นประเทศหนึ่งที่มีการกล่าวถึงประเด็นเรื่องกลุ่มเพศที่สาม (LGBT) วัตถุประสงค์เพื่อการท่องเที่ยวและการพักผ่อน ประเทศไทยเป็นจุดหมายของนักเดินทางที่ทั้งกลุ่มเพศที่สามและคู่ของพวกเขา ตามที่อ้างถึง ภายใต้กฎหมายไทยยังไม่มีกการรอรับการแต่งงานของคู่เพศเดียวกัน ดังนั้นเป็นไปไม่ได้ที่คู่เพศเดียวกันจะจดทะเบียนสมรสที่อำเภอ (สำนักงานเขต)ในแบบเดียวกับที่คู่ต่างเพศมีสิทธิ ตามที่กล่าวมาแล้ว สส.ของประเทศไทยอาจจะนำเอาประเด็นนี้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในประเด็นดังกล่าว ประเด็นนี้จะมีการนำไปเสนอในการเลือกตั้งอย่างไร เป็นสิ่งที่แสดงถึงความน่าสนใจของมัน

ในการวิเคราะห์ประเด็นการเข้าเมืองสหรัฐอเมริกาในบริบทของไทยพึงระลึกถึงว่า ถ้าประเทศไทยเริ่มที่จะอนุญาตให้มีการจดทะเบียนสมรสของคู่เพศเดียวกันและสหรัฐอเมริกาผ่านการร่างกฎหมายตามที่กล่าวมาข้างต้น UAFA ซึ่งในอนาคตข้างหน้า คู่เพศเดียวกันท่เป็นชาวไทย อเมริกันสามารถที่จะจดทะเบียนสมรสในประเทศไทยและใช้สิทธิประโยชน์ในเรื่องการเข้าเมืองสหรัฐอเมริกาเช่น วีซ่า เค-3, วีซ่าซีอาร์-1, หรือวีซ่าไออาร์1 ตามที่กล่าวมาแล้วนั้นต้องงอาศัยกระบวนการตามกฎหมายและนโยบายในปัจจุบัน

To view this post in English please see: legal.

more Comments: 04

15th March 2011

อาจจะเป็นเรื่องประเด็นทางการเมืองและทางกฎหมายที่ซับซ้อนเรื่องหนึ่งในหมู่ชาวอเมริกันที่มีแนวคิดตามสมัยซึ่งมีรายงานจากหลายแหล่งว่า ประธานาธิบดีบารัก โอบามา อยู่ภายใต้แรงกดดันจากคนหลายๆกลุ่มๆที่อยู่บนพื้นฐานของการพิจารณาว่า ไม่บังคับตามบทบัญญัติหลักที่เรียกว่า “พระราชบัญญัติคุ้มครองการแต่งงาน” (DOMA) อ้างโดยตรงจากบทความที่เขียนใน AfricaOnline.com:

โฆษกคนก่อนของบ้านจิงริช แนะนำว่า ประธานาธิบดีโอบามาก้าวล้ำข้อผูกพันที่เกี่ยวกํฐณํบะรรฒฯยเมื่อเขาไม่อาจจะปกป้องพระราชบัญัติคุ้มครองการแต่งงานในศาล

ในการที่จะปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญสหรัฐอเมริกานั้น ขอบเขตระหว่างประเด็นทางการเมืองและทางกฎหมายเริ่มต้นที่จะไม่ชัดเจนและสำหรับเหตุผลของประเด็นแวดล้อมไปด้วยสถานการณ์ทางกฎหมายที่น่าสนใจในประวัติศาสตร์เมื่อไม่นานมานี้ซึ่งยากที่จะเข้าใจสำหรับผู้ที่ไม่ได้ติดตามในประเด็นนี้ กล่าวโดยย่อ รัฐบาลกลางสหรัฐอเมริกาเพิ่งจะขัดขวางเรื่องการแต่งงานระหว่างคู่เพศเดียวกันในบทบัญญัติของพระราชบัญญัติคุ้มตรองการแต่งงาน (DOMA) ในขณะเดียวกัน 7 เขตอำนาจศาลในสหรัฐอเมริกา ประกอบด้วย 6 รัฐเอกราช ได้มีการอนุญาตแก่คู่แต่งงานเพศเดียวกัน ในขณะที่ หลายรัฐมหาอำนาจในสหรัฐอเมริกามีการประกาศใช้การแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐในการห้ามการแต่งงานระหว่างคู่เพศฌดียวกัน ปัจจุบันนี้ มีหลายกรณีที่ตัดสินโดยศาลแห่งรัฐแมสซาชูเซสซึ่งรัฐมีสิทธิพื้นฐานที่จะแต่งงานภายในเขตอำนาจ สิทธิของทนายความแต่ละรัฐ ประเด็นที่สำคัญใน กรณีของ DOMA คือ การยอมรับของส่วนกลางของการแต่งงานคู่เพศเดียวกันตามกฎหมายและการบังคับตามเขตอำนาจศาล อ้างนายจิงริชต่อใน  AfricaOnline.com:

“นึกภาพว่า รัฐมนตรีเพลินกลายเป็นประธานาธิบดี” จิงริชกล่าว “นึกภาพว่า เธอเพิ่งประกาศว่า (Roe versus Wade )โรล เวอซํส เวดด์ในมุมมองของเธอไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญและรัฐบาลสหรัฐอเมริกาไม่ได้ปกป้องสิทธิของใครในการที่จะทำแท้ง เพราะโดยส่วนตัวแล้วเธอตัดสินใจที่จะเปลี่ยน สื่อมวลชนกำลังบ้าคลั่ง นิวยอร์ก ไทม์กำลังจะกล่าวโทษเธอ”

หรับผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับคำตัดสิน Roe versus Wade คดีนี้เกิดในศาลสูงสุดซึ่งอนุญาตให้ผู้หญิงทำแท้งได้โดยเป็นไปตามการตีความตามรัฐธรรมนูญสหรัฐอเมริกา เป็นเรื่องที่น่าสนใจว่า นายจิงริชอ้างว่า ขาดแคลนความสนใจกระแสของสื่อซึ่งมีผู้ที่ถกเถียงเกี่ยวกับสิทธิที่เท่าเทียมกันของกลุ่มคนเลสเบี้ยน เกย์ ไบเซ็กชวล คนแปลงเพศในประเด็นที่ตรวจสอบโดยสื่อมวลชน เพื่อความเข้าใจ ประเด็นของคู่เพศเดียวกันแต่งงานในการที่จะทำให้มีปฏิกิริยาที่แข็งแกร่งจากส่วนต่างๆของมุมมองอเมริกัน อ้างโดยตรงจากเว็บไซต์ThinkProgress.org:

ขณะนี้สิทธิของฝ่ายปกครองที่จะประกาศว่า จะไม่มีการปกป้องการบังคับตามมาตรา 3 พระราชบัญญํติคุ้มครองครอบครัว (DOMA) สมาชิกสภาเทนท์ แฟรงก์ (R-AZ)เรียกร้องที่จะให้มีการกล่าวโทษโอบามา

หลังจากที่ริพลับลิกันในอริโซนามีการเรียกร้องต่อกระทรวงยุติธรรมหากมีการปกป้องมาตรา 3 พระราชบัญญัติ DOMA “ผมอยากที่จะสนับสนุนในเวลานี้” แฟรงค์กล่าว –เขากล่าวต่อไปว่า ถ้ามีการรวบรวมการสนับสนุน ต้องมีการกล่าวโทษโอบามาอย่างแน่นอนและอัยการอีริคโฮล์เดอร์

สิ่งที่ปรากฏว่า ประเด็นนี้เป็นเหตุให้เกิดความวุ่นวายทางการเมืองสำหรับโอบามา แต่สิ่งที่น่าสนใจมากกว่านั้นในประเด็นนี้ทั้งในหมู่ของเพศที่สาม LGBT และรัฐที่มีเอกราชซึ่งเป็นสหรัฐอเมริกา

เพื่อความเข้าใจ ผู้เขียนบทความเชื่อว่าสิทธิในการแต่งงานของผู้ที่เลือกแต่งงานตามสิทธิพื้นฐานที่ไม่สามารถโอนแก่กันได้และการได้รับการปกป้องอย่างเท่าเทียมกันของสิทธิที่ควรจะเป็นของเลสเบี้ยน เกย์ ไบเซ็กชวล และกลุ่มที่แปลงเพศ (LGBT) ความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ถ้าคนสองคนประสงค์ที่จะแต่งงานด้วยความเต็มใจ  แล้วเรื่อง เพศ ไม่ควรจะเป็นวัตถุประสงค์ของการยอมรับของรัฐบาล อย่างไรก็ตาม มีการโต้แย้งที่มีน้ำหนักในการที่ต้องการการยอมรับของคู่แต่งงานเพศเดียวกัน และการโต้แย้งนี้ได้รับข้อมูลมาจากรัฐทั้งหกที่อนุญาตให้รูปแบบของคู่เพศเดียวกัน (ประเพณีทางสังคม หรือการแต่งงาน) โดยปรากฏอย่างชัดเจนรัฐโดยประเพณีที่จะทำให้การแต่งงานถูกต้องตามกฎหมายในเขตอำนาจนั้นและรัฐบาลกลางคววรต้องให้การยอมรับกลุ่มคนประเภทนี้ แต่บทบัญญัติของ DOMA ไม่ได้อ้างถึงเรื่องการยอมรับ ตัวอย่างเช่น คู่เพศเดียวกันที่มีการสมรสอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แมสซาชูเซสไม่สามารถที่จะให้สิทธิประโยชน์เหมือนที่คู่ต่างเพศได้รับตามบทบัญญัติในพระราชบัญญัติ DOMA มีประเด็นบางเรื่องเกี่ยวกับการบัญญํติกฎหมาย เช่น พระราชบัญญัติการรวมกลุ่มของครอบครัวอเมริกัน(UAFA)ซึ่งเป็นการแก้ปัญหานี้ในบริบทของคนเข้าเมืองสหรัฐอเมริกา แต่ยังละทิ้งคำถามพื้นฐานที่ยังหาคำตอบไม่ได้ เมื่อไหร่รัฐบาลกลางให้อำนาจแก่รัฐ ควรจะมีการก่อตั้งสิทธิแต่งงาน

ตามที่คำตัดสินของโอบามาที่ไม่ดำเนินคดีนี้ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองการแต่งงาน ทัศนคตินี้เป็นเรื่องที่น่ายกย่อง แต่การกระทำโดยรวมแล้วไม่อาจที่จะก่อให้เกิดประโยชน์แก่กลุ่มLGBT ในผลลัพธ์ของแต่ละกรณี หากกรณีใด หรือข้อขัดแย้งใดเกิดก่อนชั้นศาลสูงสุด เป็นการเปลี่ยนแปลงสำหรับศาลสูงสุดที่จะขยายข้อผูกพันของคำตัดสินศาลสูงสุดตามพระราชบัญญัติคุ้มครองการแต่งงาน (และมีแนวโน้มที่ทั้งหมดจะพูดถึงประเด็นเรื่องคู่เพศเดียวกัน)  บทของความน่าเชื่อถือและศรัทธา และประเด็นทางกฎฎหมายอื่นๆ เช่นความแตกต่างของคู่สองสัญชาติเพศเดียวกันซึ่งจะเป็นส่วนส่วนของการบังคับใช้พพระราชบัญญัติคุ้มครองการแต่งงาน

ความเห็นส่วนตัวของผู้เขียนบทความนี้ ศาลสูงสุดสหรัฐอเมริกาจะยอมรับการแต่งงานของคู่เพศเดียวกัน แต่สิ่งที่จะสามารถพิสูจน์สิทธิของรัฐที่จะกำหนดนโยบายสำหรับผู้ที่จะแต่งงานในเขตอำนาจในขณะที่ ความเป็นเสรีนิยม หรือ สังคมนิยม ของศาลให้คู่เพศเดียวกันได้รับการยอมรับในการแต่งงานในรัฐซึ่งเป็นประเด็นที่เป็นสิทธิของงพลเมือง

To see this information in the English language please see: Defense of Marriage Act.

more Comments: 04

The hiring of a lawyer is an important decision that should not be based solely on advertisement. Before you decide, ask us to send you free written information about our qualifications and experience. The information presented on this site should not be construed to be formal legal advice nor the formation of a lawyer/client relationship.