Integrity Legal

ภายใต้มาตรา 214b แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมืองและสัญชาติ เจ้าหน้าที่กงสุลสามารถปฏิเสธวีซ่าชั่วคราว ( เจ วัน , เอฟ วัน, บี วัน และ บี ทู ) หากเชื่อว่าคนต่างด้าวผู้ยื่นขวีซ่าไม่สามารถโต้แย้งข้อสันนิษฐานว่าจะอพยพเข้าเมืองได้ ในบางกรณี กงสุลาจจะออกวีซ่าท่องเที่ยวให้ แต่คนต่างด้าวก็อาจถูกปฏิเสธขณะจะเข้าประเทศได้เช่นกัน

คนต่างด้าวได้รับวีซ่าแล้วแต่ถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าประเทศได้อย่างไร ? มีความเข้าใจผิดๆที่ว่า ถ้าได้วีซ่าแล้วก็เท่ากับว่า มีสิทธิเข้าประเทศสหรัฐอเมริกาได้ อันที่จริง เจ้าหน้าที่ศุลกากรและ ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองมีดุลยพินิจที่จะปฏิเสธคนต่างด้าวไม่ให้เข้าเมืองได้ ถ้าเชื่อว่ามีเหตุให้ปฏิเสธ หากว่าเจ้าหน้ามีมีเหตุให้เชื่อว่าคนต่างด้าวมีวัตถุประสงค์อพยพ ก็มีสิทธิปฏิเสธไม่ให้เข้าเมืองและยังมีอำนาจดุลพินิจในการเร่งส่งตัวกลับเพื่อจัดการให้คนต่างด้าวออกนอกประเทศได้อีกด้วย

ความในพระราชบัญญัติสัญชาติกล่าวว่า

ตามมาตรา 212 (a)(7)(A)(i) แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมืองและสัญชาติ ผู้อพยพคนใด ในขณะที่ยื่นคำขอเข้าเมือง :

ไม่ได้ถือวีซ่าถาวรที่ยังไม่หมดอายุ คำขอกลับเข้ามาใหม่ หรือหนังสือสำคัญประจำตัวในการผ่านด่าน หรือหนังสือสำคัญอื่นๆที่กำหนดไว้ตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมืองและสัญชาติ และหนังสือเดินทางที่ยังไม่หมดอายุ หรือ เอกสารเดินทางอื่นๆที่ใช้ได้ในลักษณะเดียวกันภายใต้กฎเกณฑ์คนเข้าเมือง หรือวีซ่าที่ไม่ได้ออกให้โดยสอดคล้องกับกฎเกณฑ์ที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติสัณชาติและคนเข้าเมืองสามารถถูกกันไม่ให้เข้าเมืองได้ (จากสหรัฐอเมริกา )

การขอละเว้นโทษมีอยู่ภายใต้มาตรา 212(k) ซึ่งสำนักอัยการสูงสุดพอใจว่าการกันไม่ให้เข้าเมืองนั้นไม่สามารถทราบได้ และไม่สามารถทราบได้แน่นอนโดยดุลวินิฉัยของคนต่างด้าวนั้นก่อนที่ยานพาหนะจะออกเดินทางมาจากจุดหมายนอกประเทศสหรัฐอเมริกา และนอกดินแดนรัฐอารักขา หรือในกรณีที่คนต่างด้าวนั้นมาจากรัฐอารักขา ให้ใช้เวลาก่อนที่คนต่างด้าวจะยื่นขอให้รับเข้าเมือง

อำนาจของเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองดังที่ได้อธิบายไว้ข้างต้นแสดงให้เห็นเหตุผลในการที่ต้องขอวีซ่าให้ถูกประเภทแทนที่จะพยายามลอดช่องโหว่ของกฎหมายคนเข้าเมือง ตัวอย่างเช่น มีคนอเมริกันบางคนที่มีคนรักเป็นบุคคลสัณชาติไทยและหวังที่จะนำเขาหรือเธอเหล่านั้นไปอเมริกาโดยมีจุดประสงค์ที่จะสมรสหรือเพื่อปรับเปลี่ยนสถานภาพเป็นผู้พำนักอาศัยถาวร หรือผุ้ถือกรีนการ์ด โดยทั่วไปแล้ว วีซ่าเค วัน ( รู้จักกันในชื่อวีซ่าคู่หมั้น ) เป็นวีซ่าที่เหมาะกับวัตถุประสงค์นี้ที่สุด อย่างไรก็ดีบางคนเลือกที่จะขอวีซ่าท่องเที่ยวอเมริกาเนื่องจากวีซ่าคู่หมั้นใช้เวลานานประมาณ 6-7 เดือน ในขณะที่วีซ่าท่องเที่ยวใช้เวลาสองถึงสาม สัปดาห์เท่านั้น การถูกปฏิเสธที่ด่านคนเข้าเมืองขณะจะเข้าเมืองทำให้เสี่ยงต่อการถูกส่งตัวกลับและยังต้องเสียเงินไปกับการขอวีซ่าและค่าเดินทางแต่กลับเข้าประเทศไม่ได้ การถูกกันตัวออกจากประเทศสหรัฐอเมริกาอาจส่งผลให้ถูกแบนไม่ให้เข้าเมืองในคราวต่อไปได้ ได้หากว่าเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองเห็นว่าการเข้าประเทศเป็นไปโดยจงใจให้เจตนาเท็จแก่เจ้าหน้าที่ ในกรณีเช่นว่านี้จะต้องขอละเว้นโทษเท่านั้น ซึ่งเรียกว่า I601 waiver

การถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าเมืองไม่ทำให้ถุกส่งตัวกลับทันที เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองมีอำนาจดุลพินิจที่จะอนุญาตให้คนต่างด้าวถอนคำขอเข้าประเทศได้และออกจากประเทศโดยเสียค่าใช้จ่ายด้วยตนเอง แต่การใช้วีซ่าชั่วคราวโดยไม่ถูกต้องทำให้เกิดความเสี่ยงในกาลต่อมาที่จะถูกส่งตัวออกนอกประเทศและคนที่กำลังหาลู่ทางไปสหรัฐอเมริกาสก็ควรจะจำเรื่องนี้ใส่ใจไว้เมื่อศึกษาเกี่ยวกับกฎหมายคนเข้าเมืองสหรัฐ

Tags: 212, Exclusion, removal, US Visa Thailand, กฎหมายคนเข้าเมืองอเมริกา, กฎหมายอเมริกัน, การเข้าเมืองสหรับอเมริกา, ขอวีซ่าอเมริกา, ทนายความรับทำวีซ่าอเมริกา, ทนายความวีซ่า, ทนายความอเมริกัน, มาตรา 212(a)(7)(A)(i), รับทำวีซ่า, รับทำวีซ่าอเมริกา, วีซ่าคู่หมั้นอเมริกา, วีซ่าถาวรอเมริกา, วีซ่าสหรัฐอเมริกา, วีซ่าอเมริกาจากประเทศไทย, วีซ่าไปอเมริกา, สถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย, สถานทูตอเมริกา กรุงเทพ
Posted in สถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย, ้วีซ่าอเมริกาจากประเทศไทย | No Comments »

Under Section 214b of the Immigration and Nationality Act, a Consular officer can deny a non-immigrant visa (J1, F1, B1, B2) if they believe that the foreign applicant has not overcome the statutory presumption that they are actually an intending immigrant. In some cases, a consular officer may grant a tourist visa application, but the foreign national will be refused entry upon arrival in the United States of America.

How can a foreign national be granted a visa and still be denied entry to the United States? There is a common misconception that visa application approval creates a “right” to enter the United States of America. In fact, Customs and Border Patrol (CBP) Officers have the discretion to turn away alien nationals if they believe that there is a ground of excludability. If a CBP officer reasonably believes that an ostensible non-immigrant actually has immigrant intent, then they have the right to deny entry and it is further within the officer’s discretion to use expedited deportation to remove the prospective entrant.

The following paraphrases the INA:

According to section 212(a)(7)(A)(i) of the United States Immigration and Nationality Act (INA), any immigrant who, at the time of application for admission:

is not in possession of a valid unexpired immigrant visa, reentry permit, border crossing identification card, or other valid entry document required by the Immigration and Nationality Act, and a valid unexpired passport, or other suitable travel document, or document of identity and nationality if such document is required under the INS regulations, or whose visa has been issued without compliance with the provisions of the Immigration and Nationality Act is excludable [from the United States].

A waiver is available under INA §212(k) where the Attorney General is satisfied that the exclusion was not known to, and could not have been ascertained by the exercise of reasonable diligence by, the immigrant before the time of departure of the vessel or aircraft from the last port outside the United States and outside foreign contiguous territory or, in the case of an immigrant coming from foreign contiguous territory, before the time of the immigrant’s application for admission.

The powers of CBP officers described above illustrate the reason for seeking a proper visa rather than attempting to circumvent the Immigration rules. For example, there are some Americans who have a Thai loved one and they wish to bring them to the USA for the purpose of marriage and adjustment of status to lawful permanent residence. Generally a K1 visa (also known as a fiancee visa) would be the proper travel document for this purpose. However, some opt to pursue a US Tourist visa because the K1 visa has a processing time of approximately 6-7 months whereas a tourist visa generally takes a few weeks to acquire if the application is approved. Even if the visa application is approved, denial at the port of entry poses the risk of expedited deportation as well as the underlying monetary loss due to the fruitless visa application as well as travel expenses to get to the port of entry and be turned away. Removal from the United States can later be used to bar admission particularly if an Immigration officer finds that the entrant was intentionally misrepresenting themselves. In a situation such as this, the only way to remedy the inadmissibility could be the use of an I601 waiver.

Entry denial does not automatically lead to expedited deportation, the CBP officer has the discretion to allow the prospective entrant to withdraw their request for entry and leave at their own expense, but improper usage of non-immigrant visas does include the inherent risk of removal and those seeking entry to United States of America should bear this in mind when researching US Immigration issues.

Tags: 212, 212a7, American Visa Thailand, I601, Immigration and Nationality Act, INA, intending immigrant, K1 Visa Thailand, US Immigration Thailand, US Tourist Visa, US Visa Thailand
Posted in Adjustment of Status, F1 Visa Thailand, Fiance Visa Thailand, J1 Visa Thailand, K1 Visa Thailand, US Tourist Visa, US Visa and Immigration, US Visa Thailand, USCIS | No Comments »