blog-hdr.gif

Integrity Legal

Archive for the ‘สถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย’ Category

21st March 2011

สิ่งที่เป็นที่น่าสนใจซึ่งกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิได้ออกกฎเกี่ยวกับแนวทางการปฏิบัติของพระราชบัญญํติ REAL ID 2005 อ้างโดยตรงจากเว็บไซต์ที่เป็นทางการของกระทรวงความมั่นคงแห่งาตุภูมิ:

กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิได้ออกกฎที่กำหนดมาตรฐานขั้นต่ำในการที่จะออกใบอนุญาตขับขี่ของรัฐและบัตรประจำตัวประชาชนตามพระราชบัญญัติ REAL ID 2005

กฎระเบียบนี้วางมาตรฐานสำหรับรัฐตามหลักเกณฑ์ในพระราชบัญญัติ REAL ID ดังนี้

·         ข้อมูลและความปลอดภัยที่ต้องรวมเข้าไว้ในบัตรแต่ละใบ

·         หลักฐานแสดงลักษณะเฉพาะและสถานะทางกฎหมายของผู้สมัคร

·         การยืนยันของแหล่งเอกสารที่จัดเตรียมโดยผู้สมัคร และ

·         มาตรฐานความปลอดภัยเพื่อสำนักงานซึ่งออกใบอนุญาตและบัตรประชาชน

กฎระเบียบนี้ยังมีขั้นตอนในการที่จะขยายเวลาที่ยืดหยุ่นโดยเวลาที่กำหนดคือ 11 พฤษภาคม 2554 โดยการแสดงหลักของการยืดหยุ่นกับหลักเกณฑ์ของพระราชบัญญัติและกฎระเบียบนี้

สำหรับผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับพระราชบัญญํติ REAL ID การออกกฎหมายนี้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของระบบเอกสารของบุคคลในสหรัฐอเมริกา โดยทั่วไปแล้ว วิกิพีเดียอธิบายไว้อย่างชัดเจนเกี่ยวกับพระราชบัญญํติ REAL IDในบริบทของใบอนุญาตขัขรถ  อ้างโดยตรงจาก  Wikipedia:

หลังจากปี 2554 “ตัวแทนกลางอาจจะไม่ยอมรับสำหรับวัตถุประสงค์ที่เป็นทางการ ใบอนุญาตขับรถหรือบัตรประชาชน ออกโดยรัฐให้ประชาชนเว้นแต่ว่ารัฐได้มีหลักเกณฑ์ ” ระบุในพระราชบัญญัติ REAL ID รัฐยังคงมีอิสระที่จะออกใบอนุญาตให้บังคับใช้และบัตรประชาชน ตามที่มีรูปแบบเฉพาะและข้อความที่ชัดเจนว่า พวกเขาไม่สามารถที่จะยอมรับวัตถุประสงค์ของการระบุตัวตนของรัฐบาลกลาง กรมการปกครองความปลอดภัยทางการขนส่งมีความรับผิดชอบในการที่จะดูแลความปลอดภัยที่สนามบิน ดังนั้นผู้ที่ถือเอกสารที่ไม่ได้รับการยอมรับไม่สามารถที่จะเดินทางโดยทางอากาศโดยปราศจากการตรวจสอบเพิ่มเติมเว้นแต่ว่า พวกเขามีทางเลือกที่จะได้รับการออกภาพถ่ายบบัตรประชาชนโดยรัฐบาล

เพื่อความเข้าใจที่ชัดเจนขึ้น อัยการของรัฐบาลกลางอาจจะมีข้อยกเว้นสำหรับสิ่งที่กล่าวมาข้างบน มีสิ่งที่ต้องตระหนักถึงในเรื่องบทบาทของรัฐในบริบทของพระราชบัญญํติ REAL ID ที่ทนายความเกี่ยวกับการพิทักษ์สิทธิพลเมืองและสิทธิความเป็นส่วนตัวที่อ้างถึงเพื่อความชัดเจนในพระราชบัญญัติ REAL ID ผู้สนับสนุนในสิทธิของพลเมืองและสิทธิตามรัฐธรรมนูญนั้นเป็นการเปิดประเด็นที่น่าสนใจในเรื่องของพระราชบัญญัติ REAL ID บางคนมองว่า  ขอบเขตของการเป็นตัวแทนเช่น DHS เมื่อมีการตรวจสอบโปรแกรมที่เกี่ยวกับแนวทางการปฏิบัติที่เชื่อมโยงกับเทคโนโลยีเช่น เครื่องสแกนไอริช และเครื่องตรวจดีเอ็นเอโดยก่อนหน้านี้ได้อ้างถึงในบทความ ไม่ว่าอย่างไรก็ตามในทางกลับกัน พระราชบัญญัติ REAL ID และหน่วยการตรวจสอบความมั่นคงการเดินทาง (TSA)ดูเหมือนว่า  จะมีประเด็นเพิ่มมากขึ้นในสองทางซึ่งเรียกว่า สื่อทางเลือก เช่นเดียวกับสื่อหลัก

ในบทบาทของ DHS และ TSAกลายเป็นสิ่งที่ระบุชัดเจนดูเหมือนว่า ประเด็นทางกฎหมายใหม่และน่าสนใจตลอดจนประเด็นทางสังคม การเมืองจะเกิดผลขึ้น

To view this information in English please see: Department of Homeland Security.

more Comments: 04

15th March 2011

อาจจะเป็นเรื่องประเด็นทางการเมืองและทางกฎหมายที่ซับซ้อนเรื่องหนึ่งในหมู่ชาวอเมริกันที่มีแนวคิดตามสมัยซึ่งมีรายงานจากหลายแหล่งว่า ประธานาธิบดีบารัก โอบามา อยู่ภายใต้แรงกดดันจากคนหลายๆกลุ่มๆที่อยู่บนพื้นฐานของการพิจารณาว่า ไม่บังคับตามบทบัญญัติหลักที่เรียกว่า “พระราชบัญญัติคุ้มครองการแต่งงาน” (DOMA) อ้างโดยตรงจากบทความที่เขียนใน AfricaOnline.com:

โฆษกคนก่อนของบ้านจิงริช แนะนำว่า ประธานาธิบดีโอบามาก้าวล้ำข้อผูกพันที่เกี่ยวกํฐณํบะรรฒฯยเมื่อเขาไม่อาจจะปกป้องพระราชบัญัติคุ้มครองการแต่งงานในศาล

ในการที่จะปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญสหรัฐอเมริกานั้น ขอบเขตระหว่างประเด็นทางการเมืองและทางกฎหมายเริ่มต้นที่จะไม่ชัดเจนและสำหรับเหตุผลของประเด็นแวดล้อมไปด้วยสถานการณ์ทางกฎหมายที่น่าสนใจในประวัติศาสตร์เมื่อไม่นานมานี้ซึ่งยากที่จะเข้าใจสำหรับผู้ที่ไม่ได้ติดตามในประเด็นนี้ กล่าวโดยย่อ รัฐบาลกลางสหรัฐอเมริกาเพิ่งจะขัดขวางเรื่องการแต่งงานระหว่างคู่เพศเดียวกันในบทบัญญัติของพระราชบัญญัติคุ้มตรองการแต่งงาน (DOMA) ในขณะเดียวกัน 7 เขตอำนาจศาลในสหรัฐอเมริกา ประกอบด้วย 6 รัฐเอกราช ได้มีการอนุญาตแก่คู่แต่งงานเพศเดียวกัน ในขณะที่ หลายรัฐมหาอำนาจในสหรัฐอเมริกามีการประกาศใช้การแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐในการห้ามการแต่งงานระหว่างคู่เพศฌดียวกัน ปัจจุบันนี้ มีหลายกรณีที่ตัดสินโดยศาลแห่งรัฐแมสซาชูเซสซึ่งรัฐมีสิทธิพื้นฐานที่จะแต่งงานภายในเขตอำนาจ สิทธิของทนายความแต่ละรัฐ ประเด็นที่สำคัญใน กรณีของ DOMA คือ การยอมรับของส่วนกลางของการแต่งงานคู่เพศเดียวกันตามกฎหมายและการบังคับตามเขตอำนาจศาล อ้างนายจิงริชต่อใน  AfricaOnline.com:

“นึกภาพว่า รัฐมนตรีเพลินกลายเป็นประธานาธิบดี” จิงริชกล่าว “นึกภาพว่า เธอเพิ่งประกาศว่า (Roe versus Wade )โรล เวอซํส เวดด์ในมุมมองของเธอไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญและรัฐบาลสหรัฐอเมริกาไม่ได้ปกป้องสิทธิของใครในการที่จะทำแท้ง เพราะโดยส่วนตัวแล้วเธอตัดสินใจที่จะเปลี่ยน สื่อมวลชนกำลังบ้าคลั่ง นิวยอร์ก ไทม์กำลังจะกล่าวโทษเธอ”

หรับผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับคำตัดสิน Roe versus Wade คดีนี้เกิดในศาลสูงสุดซึ่งอนุญาตให้ผู้หญิงทำแท้งได้โดยเป็นไปตามการตีความตามรัฐธรรมนูญสหรัฐอเมริกา เป็นเรื่องที่น่าสนใจว่า นายจิงริชอ้างว่า ขาดแคลนความสนใจกระแสของสื่อซึ่งมีผู้ที่ถกเถียงเกี่ยวกับสิทธิที่เท่าเทียมกันของกลุ่มคนเลสเบี้ยน เกย์ ไบเซ็กชวล คนแปลงเพศในประเด็นที่ตรวจสอบโดยสื่อมวลชน เพื่อความเข้าใจ ประเด็นของคู่เพศเดียวกันแต่งงานในการที่จะทำให้มีปฏิกิริยาที่แข็งแกร่งจากส่วนต่างๆของมุมมองอเมริกัน อ้างโดยตรงจากเว็บไซต์ThinkProgress.org:

ขณะนี้สิทธิของฝ่ายปกครองที่จะประกาศว่า จะไม่มีการปกป้องการบังคับตามมาตรา 3 พระราชบัญญํติคุ้มครองครอบครัว (DOMA) สมาชิกสภาเทนท์ แฟรงก์ (R-AZ)เรียกร้องที่จะให้มีการกล่าวโทษโอบามา

หลังจากที่ริพลับลิกันในอริโซนามีการเรียกร้องต่อกระทรวงยุติธรรมหากมีการปกป้องมาตรา 3 พระราชบัญญัติ DOMA “ผมอยากที่จะสนับสนุนในเวลานี้” แฟรงค์กล่าว –เขากล่าวต่อไปว่า ถ้ามีการรวบรวมการสนับสนุน ต้องมีการกล่าวโทษโอบามาอย่างแน่นอนและอัยการอีริคโฮล์เดอร์

สิ่งที่ปรากฏว่า ประเด็นนี้เป็นเหตุให้เกิดความวุ่นวายทางการเมืองสำหรับโอบามา แต่สิ่งที่น่าสนใจมากกว่านั้นในประเด็นนี้ทั้งในหมู่ของเพศที่สาม LGBT และรัฐที่มีเอกราชซึ่งเป็นสหรัฐอเมริกา

เพื่อความเข้าใจ ผู้เขียนบทความเชื่อว่าสิทธิในการแต่งงานของผู้ที่เลือกแต่งงานตามสิทธิพื้นฐานที่ไม่สามารถโอนแก่กันได้และการได้รับการปกป้องอย่างเท่าเทียมกันของสิทธิที่ควรจะเป็นของเลสเบี้ยน เกย์ ไบเซ็กชวล และกลุ่มที่แปลงเพศ (LGBT) ความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ถ้าคนสองคนประสงค์ที่จะแต่งงานด้วยความเต็มใจ  แล้วเรื่อง เพศ ไม่ควรจะเป็นวัตถุประสงค์ของการยอมรับของรัฐบาล อย่างไรก็ตาม มีการโต้แย้งที่มีน้ำหนักในการที่ต้องการการยอมรับของคู่แต่งงานเพศเดียวกัน และการโต้แย้งนี้ได้รับข้อมูลมาจากรัฐทั้งหกที่อนุญาตให้รูปแบบของคู่เพศเดียวกัน (ประเพณีทางสังคม หรือการแต่งงาน) โดยปรากฏอย่างชัดเจนรัฐโดยประเพณีที่จะทำให้การแต่งงานถูกต้องตามกฎหมายในเขตอำนาจนั้นและรัฐบาลกลางคววรต้องให้การยอมรับกลุ่มคนประเภทนี้ แต่บทบัญญัติของ DOMA ไม่ได้อ้างถึงเรื่องการยอมรับ ตัวอย่างเช่น คู่เพศเดียวกันที่มีการสมรสอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แมสซาชูเซสไม่สามารถที่จะให้สิทธิประโยชน์เหมือนที่คู่ต่างเพศได้รับตามบทบัญญัติในพระราชบัญญัติ DOMA มีประเด็นบางเรื่องเกี่ยวกับการบัญญํติกฎหมาย เช่น พระราชบัญญัติการรวมกลุ่มของครอบครัวอเมริกัน(UAFA)ซึ่งเป็นการแก้ปัญหานี้ในบริบทของคนเข้าเมืองสหรัฐอเมริกา แต่ยังละทิ้งคำถามพื้นฐานที่ยังหาคำตอบไม่ได้ เมื่อไหร่รัฐบาลกลางให้อำนาจแก่รัฐ ควรจะมีการก่อตั้งสิทธิแต่งงาน

ตามที่คำตัดสินของโอบามาที่ไม่ดำเนินคดีนี้ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองการแต่งงาน ทัศนคตินี้เป็นเรื่องที่น่ายกย่อง แต่การกระทำโดยรวมแล้วไม่อาจที่จะก่อให้เกิดประโยชน์แก่กลุ่มLGBT ในผลลัพธ์ของแต่ละกรณี หากกรณีใด หรือข้อขัดแย้งใดเกิดก่อนชั้นศาลสูงสุด เป็นการเปลี่ยนแปลงสำหรับศาลสูงสุดที่จะขยายข้อผูกพันของคำตัดสินศาลสูงสุดตามพระราชบัญญัติคุ้มครองการแต่งงาน (และมีแนวโน้มที่ทั้งหมดจะพูดถึงประเด็นเรื่องคู่เพศเดียวกัน)  บทของความน่าเชื่อถือและศรัทธา และประเด็นทางกฎฎหมายอื่นๆ เช่นความแตกต่างของคู่สองสัญชาติเพศเดียวกันซึ่งจะเป็นส่วนส่วนของการบังคับใช้พพระราชบัญญัติคุ้มครองการแต่งงาน

ความเห็นส่วนตัวของผู้เขียนบทความนี้ ศาลสูงสุดสหรัฐอเมริกาจะยอมรับการแต่งงานของคู่เพศเดียวกัน แต่สิ่งที่จะสามารถพิสูจน์สิทธิของรัฐที่จะกำหนดนโยบายสำหรับผู้ที่จะแต่งงานในเขตอำนาจในขณะที่ ความเป็นเสรีนิยม หรือ สังคมนิยม ของศาลให้คู่เพศเดียวกันได้รับการยอมรับในการแต่งงานในรัฐซึ่งเป็นประเด็นที่เป็นสิทธิของงพลเมือง

To see this information in the English language please see: Defense of Marriage Act.

more Comments: 04

15th March 2011

สิ่งที่น่าสนใจนั้นคือ หน่วยบรอการการเข้าเมืองและพลเมืองสหรัฐอเมริกา (USCIS) จะเปลี่ยนแปลงขั้นตอนในการจัดการกับการเปลี่ยนแปลง อ้างโดยตรงจากเว็บไซต์ของหหน่วยบริการ ของการวิจัย NIH :

หน่วยบริการคนเข้าเมืองและพลเมืองสหรัฐอเมริกา (USCIS) ได้ประกาศถึงที่อยู่ใหม่ในการส่งเอกสาร ฟอร์ม AR-11

ฟอร์มที่ยื่นทางไปรษณีย์สหรัฐอเมริกาควรจะส่งไปที่

หน่วยบริการคนเข้าเมืองและพลเมืองสหรัฐอเมริกา

การเปลี่ยนแปลงที่อยู่

พี.โอ. บ็อกซ์ 7134

ลอนดอน, เค วาย 40742-7134

ฟอร์มที่ยื่นทางการบริการขนส่งสินค้าและการพาณิชย์ควรจะส่งไปที่

หน่วยบริการคนเข้าเมืองและพลเมืองสหรัฐอเมริกา

การเปลี่ยนแปลงที่อยู่

1084-ไอ ถนน เซาท์ ลอร์เรอร์

ลอนดอน, เค วาย 40744

แบบฟอร์มใดๆที่ก่อนหน้านี้ได้ส่งไปที่ สำนักงานใหญ่ของ USCIS จะถูกส่งต่อไปยังสำนักงานที่เคนตัคกี้  รูปแบบใหม่ของฟอร์ม AR-11 ซึ่งรวมถึงที่อยู่ในการส่งไปรษณีย์ใหม่ได้มีการเผยแพร่และสามารถหาดูจากกเว็บไซต์ของ USCIS (คลิกที่ ดาวน์โหลดแบบฟอร์ม) ข้อมูลเพิ่มเติมของการเปลี่ยนแปลงที่อยู่นั้นสามารถหาได้จากเว็บไซต์ USCIS

ผู้ดูแลบล็อกแนะนำว่า ผู้อ่านที่คลิกลิงค์ด้านบนเพื่อที่จะอ่านประกาศฉบับเต็ม

ประเด็นนี้เป็นประเด็นสำคัญของผู้ซึ่งยื่นคำขอสำหรับสิทธิประโยชน์เรื่องการเข้าเมืองและการย้ายถิ่นฐานในเวลาต่อมา นอกจากนี้ผู้ที่เข้าสหรัฐอเมริกาด้วยวีซ่าประเภทเค-1 (เป็นชื่อเรียกของวีซ่าคู่หมั้นสหรัฐอเมริกา) ควรจะทำความเข้าใจเกี่ยวกับประกาศข้างต้นในฐานะที่เป็นผู้ถือวีซ่าประเภท เค-1 ที่ต้องยื่นแบบฟอร์มการปรับเปลี่ยนสถานะของวีซ่าเพื่อที่จะได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องตามกฎหมายในการพักอาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกา ในบางกรณี คู่สองสัญชาติอาจจะมีความประสงค์ในการเปลี่ยนที่อยู่ในขณะที่การปรับเปลี่ยนยังอยู่ในระหว่างการดำเนินการ การที่ไม่ได้แจ้งแก่หน่วยบริการคนเข้าเมืองและพลเมืองสหรัฐอเมริกา (USCIS) การเปลี่ยนแปลงอาจจะส่งผลให้กระบวนการล่าช้าหรือคู่แต่งงานอาจไม่ได้รับการแจ้งถึงการเปลี่ยนแปลงการสัมภาษณ์ที่อาจเกิดขึ้น  สิ่งเหล่านี้อาจจะส่งผลการพลาดข้อมูลที่กล่าวไปแล้วในเรื่องการสัมภาษณ์และอาจมีการผิดพลาดของสถานะของการยื่นวีซ่าคู่หมั้นที่มีข้อมูลไม่เพียงพอ ด้วยเหหตุผลเหล่านี้ การที่จะให้ USCIS มีข้อมูลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงที่อยู่ในขณธที่กำลังดำเนินการเรื่องคำขอเป็นสิ่งที่สำคัญ

บทความที่ผ่านมานี้กล่าวถึง USCIS เปลี่ยนแปลงนโยบายที่เกี่ยวข้องกับอำนาจในการจ้างงาน และ การทำทัณฑ์บนล่วงหน้า การบริการที่ปรากฏอย่างชัดเจนเรื่องการทำทัณฑ์บนล่วงหน้าใช้เอกสารเช่นเดียวกับการได้รับการอนุญาตจ้างงานก่ออนที่จะมีการเปลี่ยนแปลง การทำทัณฑ์บนล่วงหน้าได้รับสิทธิประโยชน์ว่า สามารถให้สถานะวีซ่าของผู้ถือวีซ่าประเภท เค-1ซึ่งอนุญาตให้ผู้ถือวีซ่าออกจากประเทศในขณะที่กำลังมีการเปลี่ยนแปลงได้ การละเลยการได้รับการทำทัณฑ์บนล่วงหน้าก่อนที่จะออกกจากสหรัฐอเมริกาสามารถที่จะส่งผลให้ผู้ได้รับสิทธิประโยชน์จากวีซ่าประเภท เค-1ผิดพลาดจากสถานะและอาจจะต้องเริ่มกระบวนการใหม่อีกครั้ง

To view this information in English please see: K-1 visa.

more Comments: 04

22nd February 2011

สิ่งที่เป็นที่น่าสนใจสำหรับผู้เขียนโดยผ่านทางหลักฐานเล็กๆน้อยๆซึ่งอาจจะมีความเกี่ยวพันกับคำขอที่มีการยื่นอุทธรณ์ I-601 ยื่นโดยพลเมืองอเมริกันทั้งในประเทศไทยและพื้นที่ใกล้เคียงซึ่งเป็นสมาชิกอาเซียน (ASEAN) เป็นที่ปรากฏได้อย่างชัดเจนว่า คดีส่วนมากนั้นไม่ได้จัดการโดยทนายความ เป็นที่ปรากฏอย่างชัดเจนว่า คดีที่ไม่ได้จัดการโดยทนายความจะต้องได้รับการเรียกหลักฐานเพิ่มเติม(RFE)ซึ่งต้องทำให้เสียเวลาเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังมีบางคนที่ยื่นคำขอเช่นนี้และมีอัตราการปฏิเสธในระดับที่สูงขึ้น

ผู้ที่อ่านบทความนี้อาจจะได้รับข้อเท็จจริงว่า ผู้เขียนฝึกปฏิบัติทางกฎหมายการเข้าเมืองสหรัฐอเมริกาอย่างจริงจัง อาจกล่าวได้ว่า ไม่มีอะไรที่ผิดที่จะเข้าข้างกับพลเมืองอเมริกันอยู่ฝ่ายเดียวซึ่งยื่นคำขอต่อรัฐบาลโดยไม่ได้จัดการโดยทนายความเพื่อจะได้รับสิทธิประโยชน์ ผู้เขียนบทความนี้ไม่ขัดข้องถ้ามีผู้ที่ประสงค์จะได้รับสิทธิประโยชน์ ทางการเข้าเมืองโดยที่ไม่รับการปรึกษาจากทนายความ แต่สิ่งเหล่านี้มีความเสี่ยง ข้อแรกก็คือ ความช่วยเหลือของทนายอเมริกันในกระบวนการคนเข้าเมืองสามารถได้รับสิทธิประโยชน์เช่นเดียวกับผู้เชี่ยวชาญ สามารถที่จะพิสูจน์ให้เห็นถึงมุมมองในการขับเคลื่อนกฎหมายคนเข้าเมืองเช่นเดียวกับกฎระเบียบซึ่งใช้บังคับตามกฎหมาย

กฎหมายคนเข้าเมืองสามารถที่จะเชื่อมโยงกับเรื่องทางการแพทย์เนื่องจากเป็นเรื่องที่เป็นชีวิตประจำวันซึ่งเป็นไปในทางบริบททางกฎหมายในบางครั้งก้อเป็นเรื่องที่ง่ายสำหรับผู้ยื่นคำขอ หรือผู้ที่ได้รับสิทธิประโยชน์ เปรียบเหมือนกับผู้ที่มีโรคทางผิวหนังแล้วอาการอาจจะบรรเทาเองโดยไม่ต้องไปหาหมอทางผิวหนัง ในขณะเดียวกัน บางประเด็นที่เกิดขึ้นในกฎหมายคนเข้าเมืองเป็นเรื่องที่ซับซ้อน ดังนั้นบางสถานการณ์ต้องการความช่วยเหลือจากประสบการณ์ต่างๆด้านกฎหมายคนเข้าเมือง เรื่องราวที่อ้างถึงนี้ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญซึ่งเช่นเดียวกับกับผู้เชี่ยวชาญทางผิวหนังที่มีความรู้เป็นพิเศษทางด้านมะเร็งผิวหนังและโรคทางผิวหนังอื่นๆซึ่งไม่ใช่ผู้ที่มีความรู้ทั่วๆไปที่บางคนรู้จัก  สมมติต่อไปว่า ผู้ป่วยที่ติดเชื้อเป็นมะเร็งผิวหนังไม่สามารถที่จะรักษาตัวเองได้ ใช้สมมติฐานนี้ในการเปรียบเทียบกับบริบทของคนเข้าเมือง ผู้ที่ยื่นอุทธรณ์ I-601 มีความคล้ายคลึงกับคนไข้ที่เป็นมะเร็งผิวหนังที่กล่าวไว้ด้านบนซึ่งจำเป็นต้องมีผู้เชี่ยวชาญในการช่วยเหลือแก้ปัญหาความผิดพลาดโดยการจ้างทนายความเพื่อสร้างโอกาสที่ผู้ที่ยื่นอุทธรณ์ I-601 จะไม่ถูกปฏิเสธ (หรือผู้ที่ยื่นอุทธรณ์ I-212)

หลักฐานในการพิสูจน์การขออุทธรณ์ I-601 นั้นเป็นความยากลำบากอย่างที่สุด และมาตรฐานนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะมีการแก้ปัญหา หน่วยบริการคนเข้าเมืองและพลเมือง (USCIS)อ้างไว้ว่า ความยากลำบากอย่างที่สุด ไม่ได้หมายความว่า เป็นเพียงการแยกกันอยู่ของคู่ที่อยู่ด้วยกัน แต่ในความเป็นจริงแล้วมีบางอย่างที่สำคัญมากกว่า ทนายความคนเข้าเมืองอเมริกันทุ่มเททั้งเวลาและความพยายามในการที่จะตรวจสอบคำขอ I-601 ดังนั้นการยื่นคำขอก็จะมีความเสี่ยงต่ำกว่าในการที่จะถูกปฏิเสธ สิ่งที่พึงระลึกถึงคือ ไม่มีทนายคนไหน หรือ ใครก็ตามที่จะสามารถทำนายได้ว่า ผลลัพธ์ของการอุทธรณ์จะเป็นอย่างไร ผู้ที่อ่านบทความนี้ไม่ควรจะเข้าใจผิดพลาดถึงเนื้อความที่ผู้เขียนต้องการสื่อสารโดยบอกเป็นนัยๆว่า การว่าจ้างทนายความจะส่งผลให้ขั้นตอนง่ายขึ้นโดยไม่ใช่ทั้งเรื่อง ควรที่จะทำให้คำขอที่อุทธรณ์ได้รับการปฏิเสธ จากนั้นก็อาจจะมีโอกาสที่เป็นไปได้ว่า จะได้รับการพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง หรืออุทธรณ์ไปยังคณะกรรมการอุทธรณ์การเข้าเมือง (BIA) ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว เรื่องนี้จะอยู่ในเขตอำนาจบนพื้นฐานของการทำลายอิสระของการตัดสินใจ ดังนั้น การยื่นคำขอ I-601 ที่ดีตั้งแต่ตอนแรกเป็นเรื่องที่จำเป็นสำหรับผู้ที่ประสงค์ที่จะมีพื้นฐานที่ดีทางกฎหมายในการที่จะอุทธรณ์

ผู้ที่กำลังมองหาการเป็นตัวแทนหรือที่ปรึกษาในสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับคนเข้าเมืองอเมริกันควรที่จะตรวจสอบความน่าเชื่อถือของงผู้ที่อยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอ้างว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญ เฉพาะผู้ที่เป็นทนายความที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายในสหรัฐอเมริกามีสิทธิที่จะเก็บค่าบริการในการเป็นตัวแทนของลูกความก่อนกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ USCIS หรือ การปฏิบัติภารกิจอเมริกาในต่างประเทศ

To view this posting in English please see: I-601 waiver.

more Comments: 04

10th February 2011

ในขณะที่โลกของออนไลน์ สิ่งที่อยู่ในความสนใจของบล็อกเกอร์ในหัวข้อของการแต่งงานของเพศเดียวกันในสหรัฐอเมริกาและการทำให้สิทธิเท่าเทียมกันของคู่เพศเดียวกันในสหรัฐอเมริกา เป็นสิ่งที่ปรากฏชัดว่า นางบาร์บารา บุช (ไม่ใช่สตรีหมายเลขหนึ่งคนก่อน แต่เป็นหลานของเธอ)ออกมาเสนอสิทธิที่เท่าเทียมกันในการแต่งงาน อ้างโดยตรงจากผู้เขียนบทความ Candace Chellew-Hodge ลงในเว็บไซต์ religiondispatches.org:

อันดับแรก เมื่อสมาชิกวุฒิสภาของอริโซนา เมแกน ลูกสาวของจอห์น แมคเคนผู้ซึ่งออกมาในฐานะที่เป็นรีพับลิกันอายุน้อยซึ่งสนับสนุนสิทธิที่เท่าเทียมกันของเกย์และเลสเบี้ยน ขณะนี้ลูกสาวคนเล็กของประธานาธิบดีคนก่อนจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุชเช่นเดียวกับแม่ของเธอลอร์ล่า ประกาศอย่างเป็นทางการว่า เธอสนับสนุนความเท่าเทียมกันของการแต่งงาน ในวิดีโอที่เผยแพร่เมื่อสัปดาห์นี้โดยการรณรงค์สิทธิมนุษยชน บาร์บารา บุชอ้างด้วยตนเองว่า “ชาวนิวยอร์กเพื่อความเท่าเทียมกันในการแต่งงาน”

เป็นเรื่องที่น่าสนใจว่า ประเด็นเรื่องความเท่าเทียมกันในการแต่งงานอาจจะไม่ทำให้เกิดปฏิกิริยาจากสมาชิกในช่วงวัยที่แตกต่างกัน ในช่วงเวลาหนึ่ง ประเด็นของการแต่งงานของคู่เพศเดียวกันและสิทธิของเลสเบี้ยน เกย์ ไบเซ็กชวล คนที่แปลงเพศ (LGBT)ค่อนข้างเป็นประเด็นที่ถกเถียงกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายในพรรครีพับลิกัน ปรากฏเห็นได้ชัดเจนว่า ผู้ที่มีหัวก้าวหน้ามีแนวโน้มต่อเรื่องนี้ มากกว่าผู้ที่เคร่งศาสนาซึ่งจะมีประเด็นส่วนตัวกับการปฏิบัติซึ่งเป็นเสรีภาพส่วนบุคคลและสิทธิที่จะอยู่กับคนรักบนพื้นฐานของทั้งประสบการณ์มนุษย์และความฝันของคนอเมริกัน อย่างไรก็ตามไม่ใช่ทุกคนที่จะรู้สึกแบบเดียวกัน อ้างจากเว็บไซต์ที่กล่าวถึงข้างบน:

จากมุมมองของเครือข่ายครอบครัวอเมริกัน บล็อกเกอร์เจนนี ไทรีไม่แปลกใจที่นางบุชและนางแมคเคนสนับสนุนความเสมอภาคในการแต่งงาน “เป็นช่วงเวลาที่ง่ายสำหรับ 20-หรือบางอย่าง หรือหลายพันปีในการที่จะก้าวกระโดดกิจกรรมที่มีคนจำนวนมากสนับสนุนคู่
แต่งงานเพศเดียวกัน” เธอเขียน จากการสังเกตการณ์กลุ่มคนจำนวนมากในช่วงอายุ 18-29 ปี สนับสนุนความเสมอภาคในการแต่งงาน

ผู้ที่อ่านบทความนี้จะได้รับคำแนะนำที่ดีในการที่จะเข้าไปที่ religiondispatches.org เพื่อที่จะอ่านเรื่องราวทั้งหมด อาจกล่าวได้ว่า สิ่งที่บล็อกเกอร์อ้างถึงนั้น ยี่สิบบางอย่าง แม้ว่าอาจจะเป็นช่วงยี่สิบปลายๆแล้วก็เกลียดที่จะใช้คำจำกัดความของคำว่า “หลายพันปี” เมื่ออธิบายถึงช่วงอายุแต่ละวัยของชาวอเมริกันที่มาเป็นสหัสวรรษใหม่ เหตุผลของการต่อต้านมาจากข้อเท็จจริงที่ทำให้คนทั่วไปรู้สึกเหมือนว่า ดอกไม้กำลังบานในช่วงปีแรกมากกว่าในยุคของวัยที่มีความรอบรู้ผู้ที่จะสามารถแสดงความเห็นได้หลากหลายประเด็นแต่นี่เป็นการพูดนอกประเด็น

ตามข้อมูลที่อยู่บนพื้นฐานของกฎหมายคนเข้าเมืองสหรัฐอเมริกาเป็นข้อเท็จจริงที่อยู่ภายใต้กรอบทางกฎหมายซึ่งเรียกว่า พระราชบัญญัติต่อต้านการแต่งงาน(DOMA) รัฐบาลกลางปฏิเสธถึงความเหมาะสมของการแต่งงานคู่เพศเดียวกัน ไม่ว่าอย่างไรก็ตามข้อเท็จจริงที่สหรัฐอเมริกาต้องตระหนักถึงและทำให้จริงจังมากขึ้น มีผู้คนจำนวนมากที่โต้เถียงเกี่ยวกับการออกกฎหมายที่ไม่เป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ เนื่องจากมีการยกเลิกสิทธิพิเศษเกี่ยวกับการแต่งงานภายใต้เขตอำนาจเดียวกัน นอกจากนี้ ความเห็นของผู้เขียนซึ่งทางปฏิบัติในปัจจุบันละเมิดต่อ หลักความศรัทธาและความเชื่อถือของรัฐธรรมนูญสหรัฐอเมริกา ในขณะเดียวกันการถอนสิทธิบุคคลออกจากการปกป้องความเท่าเทียมกันภายใต้รัฐธรรมนูญสหรัฐอเมริกาและสิทธิภายใต้ทฤษฎี  “การพิสูจน์ตามขั้นตอน” ในบริบทของคนเข้าเมือง มีการเปลี่ยนแปลงในสภาคองเกรสสหรัฐอเมริกาในนการจัดการกับประเด็นที่เกี่ยวกับคู่เพศเดียวกันแต่งงาน โดยส่วนมาก ผู้แทนเจอร์รัลด์ เนดเดิลพยายามที่จะทำให้พระราชบัญญัติการรวมครอบครัวอเมริกัน (UAFA)ซึ่งจะช่วยทำให้ประเภทของวีซ่าสำหรับ “คู่ถาวร”ของพลเมืองอเมริกันและผู้มีถิ่นฐานถาวรถูกต้องตามกฎหมายอเมริกา ในขณะที่เขียนบทความนี้ กฎหมายยังไม่ผ่านสภา

ภายใต้มุมมองกฎหมายของรัฐบาล คู่เพศเดียวกันที่มีสองสัญชาติไม่อนุญาตที่จะให้สิทธิประโยชน์ของวีซ่าครอบครัวของสหรัฐอเมริกาอย่างเท่าเทียมกันกับคู่ต่างเพศซึ่งอาจจะละเมิดพระราชบัญญัติ DOMA หวังเป็นอย่างยิ่งว่า การสนับสนุนของกลุ่มคนรุ่นใหม่ของชาวอเมริกันในประเด็นเหล่านี้จะเป็นการเปลี่ยนกระแสและคู่เพศเดียวกันจะสามารถได้รับสิทธิตามรัฐธรรมนูญและตามหลักเรื่องคนเข้าเมืองเช่นเดียวกับคู่ต่างเพศ

To view this post in English please see: same sex marriage.

more Comments: 04

18th January 2011

เมื่อเร็วๆนี้มีข่าวที่อยู่ในเว็บไซต์ Telegraph.co.uk พาดหัวข่าวว่า “เด็กชายวัย 9 ขวบพลาดการไปเที่ยวดิสนีย์เวิลด์เพราะระเบียบของคนเข้าเมืองสหรัฐอเมริกา”ซึ่งรายงานกล่าวว่า เด็กชาย วัย 9 ขวบถูกปฏิเสธวีซ่าสหรัฐอเมริกาประเภทท่องเที่ยว อ้างโดยตรงจากบทความ :

พวกเขากล่าวว่า มีความเสี่ยงที่หลังจากช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ เขาจะไม่เดินทางออกนอกสหรัฐอเมริกาและเขาถูกปฏิเสธคำขอภายใต้มาตรา 214(b) ของพระราชบัญญัติสัญชาติและคนเข้าเมือง

บล็อกเกอร์อ้างในหัวข้อของบทความต้นฉบับซึ่งข้อจำกัดของคนเข้าเมืองสหรัฐอเมริกาซึ่งอาจจะมีบางอย่างคลุมเครือเนื่องจากการยื่นคำขอวีซ่านั้นยื่นต่อกงสุลสหรัฐอเมริกาภายใต้เขตอำนาจของสถานทูตในสหราชอาณาจักรและไม่ใช่หน่วยบริการคนเข้าเมืองและพลเมืองสหรัฐอเมริกา (USCIS)ในสหรัฐอเมริกา อาจกล่าวได้ว่า บทความนี้ได้อธิบายถึงการยื่นขอวีซ่าของเด็กในสหราชอาณาจักรและการปฏิเสธวีซ่า พ่อแม่ของเด็กกพยายามที่จะสร้างความประทับใจให้แก่ลูกด้วยการเดินทางไปดิสนีย์เวิลด์ ฟลอริด้า อ้างโดยตรงจากบทความ:

ไมคาร์ [ผู้ที่ยื่นขอวีซ่าสหรัฐอเมริกาประเภท B-2]เกิดในอังกฤษและอาศัยอยู่ในเมดเดิลส์เอ็กซ์ตลอดชีวิตของเขากับคลาเดียร์ ลูอิสผู้เป็นแม่

เขาถือพาสปอร์ตแอฟริกาใต้เพราะเคทรีและเอ็ดเวิร์ดทวดขอองเขาอาศัยและทำงานอยู่ในอังกฤษตั้งแต่ปี 1990 เพียงแค่เขาเท่านั้นที่ได้รับพาสปอร์ตแอฟริกาใต้

พวกเขามีต้นกำเนิดมาจากแอฟริกาใต้

ไมคาร์แนบจดหมายจากโรงเรียนประถมของเขาที่ยืนยันว่า เขาเรียนอยู่ที่โรงเรียนไปพร้อมกับการยื่นคำขอวีซ่า

แต่สถานทูตอเมริกาปฏิเสธจดหมายของไมคาร์โดยอ้างว่า “เพราะว่าไม่มีการแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นนอกสหรัฐอเมริกาหรือไม่สามารถแสดงว่า กิจกรรมที่คุณจะไปสหรัฐอเมริกาจะทำให้คุณยังคงสถานะของวีซ่าอยู่ได้ คุณเป็นผู้ที่ขาดคุณสมบัติ”

เคทรี ยายของเขามาจากบริกซ์ตันทางตอนใต้ของลอนดอนกล่าวว่า “เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจมาก เขาน่าจะชอบมัน”

บล็อกเกอร์ขอแนะนำว่า ผู้ที่สนใจที่จะติดตามเรื่องราวเพิ่มเติมสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ Telegraph

มาตรา 214(b) พระราชบัญญัติสัญชาติและคนเข้าเมืองสหรัฐอเมริกาซึ่งกำหนดข้อสันนิษฐานทางกฎหมายในการตัดสินของเจ้าหน้าที่กงสุลในภารกิจของสหรัฐในต่างแดน (สถานทูตสหรัฐ สถานกงสุลสหรัฐ สถาบันในอเมริกา หน่วยบริการวีซ่า และอื่นๆ)ซึ่งเป็นการยื่นขอวีซ่าสหรัฐอเมริกาซึ่งปกปิดเจตนาการเข้าเมือง การที่จะพิสูจน์ข้อสันนิฐานที่จะเกิดขึ้นเมื่อเจ้าพนักงานกงสุลมีความเห็นว่า ตรงข้ามกับข้อมูลที่กล่าวอ้างไว้  ผู้ยื่นขอวีซ่าต้องแสดงถึงความสัมพันธ์อันแนบแน่นที่มีต่อประเทศที่ผู้สมัครมีภูมิลำเนาอยู่ หรือประเทศอื่นๆและในขณะเดียวกันจะต้องไม่มีความเกี่ยวพันกับสหรัฐอเมริกามากนัก

ในตอนอื่นๆของบทความที่กล่าวมาก่อนหน้านี้ ผู้เขียนอ้างถึงคู่ที่จองตั๋วเครื่องบินสำหรับการเดินทางไปพักผ่อนที่สหรัฐอเมริกา ตามที่กล่าวมาในบทความก่อนหน้านี้คือ ไม่มีการยืนยันที่ชัดเจนสำหรับการที่จะได้รับวีซ่าสหรัฐอเมริกาของคนต่างชาติมากกว่าระเบียบวิธีการ พฤติการณ์ดังกล่าวนั้นไม่สามารถที่พวกเขาจะคาดการณ์และต้องสูญเสียทั้งเรื่องการเงินและความรู้สึก ชาวต่างชาติมี่ปรารถนาจะเดินทางไปยังสหรัฐอเมริกาไม่ควรจะวางแผนการเดินทางที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้จนกว่าจะได้รับการออกวีซ่าสหรัฐอเมริกา

องค์ประกอบหลักที่มีผลอย่างมากต่อผลลัพธ์ของการขอวีซ่าในคดีต่างๆ คือหนังสือเดินทางของสหราชอาณาจักร ตามที่กล่าวมาแล้วข้างบนจากสถานทูต ผู้ยื่นคำขอวีซ่าไม่สามารถแสดงความสัมพันธ์อันแนบแน่นต่อสหราชอาณาจักร หรือประเทศอื่นๆ ถ้าเด็กที่อาศัยในสหราชอาณาจักรแต่ไม่มีหนังสือเดินทางของสหราชอาณาจักร และตามที่กล่าวอ้างไปแล้วข้างบนว่า ไม่เคยอาศัยในแอฟริกาใต้ แต่พยายามที่จะใช้หนังสือเดินทางของแอฟริกาใต้เดินทางไปยังสหรัฐอเมริกา อาจจะกล่าวได้ว่า ความสัมพันธ์ต่อประเทศอื่นๆนั้นไม่แน่นแฟ้น อาจจะเป็นไปได้และปราศจากข้อมูลอย่างละเอียด นั่นอาจจะเป็นเหตุผลในการปฏิเสธคำขอ อย่างไรก็ตาม การวินิจฉัยของแต่ละคดีนั้นอยู่บนหลักความจริงที่แตกต่างกันและการวิเคราะห์พฤติการณ์ต่างๆที่จะมีการปฏิเสธคำขอวีซ่านั้นก็แตกต่างกันด้วย

โดยทั่วไปแล้วไม่มีหลักฐานที่แน่นอนว่า การยื่นคำขอวีซ่าสหรัฐอเมริกาอีกครั้งหนึ่งจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงในข้อเท็จจริง แต่อย่างไรก็ตามเมื่อสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปมาก หลังจากนั้นการยื่นคำขออาจจะเป็นเรื่องที่ไร้สาระ ในมุมมองของกฎหมายในหลายๆเขตอำนาจศาลการเปลี่ยนแปลงสัญชาติ การได้มาซึ่งสัญชาติ การลงทะเบียนสัญชาติ หรือการแปลงสัญชาติเป็นสัญชาติใหม่ซึ่งแตกต่างกันตามสิทธิตามกฎหมาย ภาระผูกพัน สิทธิพิเศษ และอย่างน้อยที่สุดอาจจะเป็นหนังสือเดินทาง บางครั้ง หลังจากที่เด็กได้รับพาสปอร็ตสหราชอาณาจักรซึ่งเป็นเอกสารการเดินทางที่เหมาะสมประเภทหนึ่ง การยื่นคำขอวีซ่าประเภทอื่นๆจะได้รับการอนุมัติหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการได้มาซึ่งหนังสือเดินทางของสหราชอาณาจักร เด็กในบทความนี้อาจจะมีคุณสมบัติสำหรับโปรแกรมการขอละเว้นสิทธิ แม้ว่า การปฏิเสธวีซ่าสหรัฐอเมริกาต้องการที่จะอยู่ในระบบลงทะเบียนอิเล็คทรอนิกส์ของการเดินทาง (ESTA)

หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ผู้ที่จะยื่นขอวีซ่าท่องเที่ยวสหรัฐอเมริกาในอนาคตนั้นควรจะตระหนักถึงข้อเท็จจริงที่ว่า สัญชาตินั้นเป็นองค์ประกอบที่สำคัญในการยื่นคำขอวีซ่าหรือกระบวนการทางคนเข้าเมือง

To view this post in English please see: US visa denial.

more Comments: 04

6th January 2011

เมื่อเร็วๆนี้สิ่งที่เป็นที่น่าสนใจของบล็อกคือ ความพยายามของสมาคมทนายความคนเข้าเมืองอเมริกันในการที่จะให้กงสุลที่ความตื่นตัวที่จะออกใบรับรองการเกิดในต่างประเทศและเพิ่มความพยายามที่จะสร้างขั้นตอนเพื่อลดการปลอมแปลงเอกสารที่สำคัญนี้ อ้างโดยตรงจากเว็บไซต์กระทรวงแห่งสหรัฐอเมริกา:

กระทรวงแห่งรัฐมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะแนะนำการออกแบบใหม่ของรายงานกงสุลในเรื่องการเกิดในต่างแดน(CRBA) CRBAนี้เป็นบันทึกที่รับรองอย่างเป็นทางการว่า เด็กที่เกิดในต่างแดนจากพ่อแม่ที่เป็นพลเมืองอเมริกานั้นได้สัญชาติอเริกันโดยการเกิด เอกสารที่มีการออกแบบใหม่นี้มีความปลอดภัยซึ่งสามารถที่จะขัดขวางการเปลี่ยนแปลงหรือปลอมแปลงได้

สถานทูตอเมริกาและสถานกงสุลทั่วโลกได้มีการพิมพ์ CRBAs ตั้งแต่การริเริ่มในปี1919 มีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม 2554 ซึ่งจะมีการพิมมพ์ที่หน่วยบริการพาสปอร์ตในพิร์ตเมาส์ นิวแฮมเชียร์ และนิวออร์ลีน หลุยเซียนา การเป็นศูนย์กลางของการผลิตและการกำจัดการแจกจ่ายแบบฟอร์มที่ว่างเปล่าทั่วโลกเป็นหลักประกันว่า ต้องมีการปรับปรุงคุณภาพของรูปแบบและลดการปลอมแปลง

การยื่นขอพาสปอร์ตสหรัฐอเมริกาและการออกแบบCRBA จะใช้ในแง่มุมของผู้ปกครองดูแลซึ่งตรงข้ามกับแม่และพ่อ การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญต้องการที่จะอธิบายถึงเพศของเด็กที่ได้มาจากพ่อและแม่และความแตกต่างของครอบครัวแต่ละแบบ

มันยังคงเป็นการเปลี่ยนแปลงที่มีผลกระทบต่อพฤติการณ์การฉ้อฉลที่เกี่ยวข้องกับรายงานของกงสุลเกี่ยวกับการเกิดในต่างประเทศ อาจกล่าวได้ว่า รายงานของกงสุลเกี่ยวกับการเกิดในต่างประเทศนั้นเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในเรื่องของเอกสารในฐานะที่เป็นหลักฐานแสดงสัญชาติของคนอเมริกันที่เกิดนอกสหรัฐอเมริกา โดยส่วนมากพ่อแม่มักได้รับรายงานของกงสุลเกี่ยวกับการเกิดทันทีก่อนที่จะขอพาสปอร์ตสหรัฐอเมริกาในฐานะของเด็กที่เกิดในต่างประเทศ

ผู้เขียนบล็อกเห็นว่า สิ่งที่น่าสนใจคือ กระทรวงแห่งรัฐมีขั้นตอนที่สร้างเอกสารที่มีความเป็นกลางทางเพศมากขึ้น เช่นเดียวกับการเคลื่อนไหวในปี 2010 กระทรวงแห่งรัฐประกาศมาตรการที่จะนำไปใช้ในทางปฏิบัติเพื่อที่จะอนุญาตให้มีการแปลงเพศและเปลี่ยนเพศในพาสปอร์ตสหรัฐอเมริกา นับเป็นสิ่งที่ปรากฏได้ว่า ความพยายามต่อความเป็นกลางทางเพศในการที่จะปรับเลี่ยนข้อมูลรายงายของกงสุลเกี่ยวกับเด็กที่เกิดในต่างประเทศทำให้ตระหนักว่า บทบาททางเพศภายในครอบครัวและโดยโครงสร้างของครอบครัวอเมริกัน ครอบครัวอเมริกันนนั้นได้มีการฉีกกฎเดิมมากขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับในอดีต

ายใต้สถานการณ์ที่แน่นอน เด็กที่เกิดนอกสหรัฐอเมริกานั้นไม่สามารถที่จะได้รับสิทธิการเป็นพลเมืองสหรัฐอเมริกาโดยอัตโนมัติ พ่อแม่ชาวอเมริกันนั้นสามารถที่จะทำให้เด็กกลายเป็นพลเมืองอเมริกันได้โดยการยื่นคำขอรับสิทธิประโยชน์คนเข้าเมืองตามพระราชบัญญัติสัญชาติเด็ก (CCA)ปี 2000 เด็กที่เกิดจากคนสัญชาติอเมริกันนั้นกลายเป็นพลเมืองสหรัฐอเมริกาโดยกฎหมายซึ่งตา CCA จะได้รับใบรับรองสัญชาติซึ่งเหมือนกับใบรับรองการแปลงสัญชาติแม้ว่าในทางทฤษฎีผู้ถือจะไม่ได้สัญชาติอเมริกันโดยตามธรรมชาติ

For related information please see: Department of State.

more Comments: 04

5th January 2011

ในเรื่องที่น่าสนใจของการที่กลุ่มเลสเบี้ยน เกย์ ไบเซ็กชวล และกลุ่มที่แปลงเพศ(LGBT) ได้รับชัยชนะทางการเมืองเมื่อหลายอาทิตย์ที่ผ่านมานี้  บล็อกเกอร์พบบทความที่น่าสนใจโดยบังเอิญในเว็บไซต์ Wikinews.org อ้างโดยตรงจากวิกินิวส์

วันศุกร์ที่ 24 ธันวาคม 2554

ในการสัมภาษณ์ทางโทรทัศน์ในรายการ Good Morning America รองประธานาธิบดี โจ ไบเดน กล่าวว่าความเห็นในเชิงบวกของคนส่วนมากเกี่ยวกับการแต่งงานของคู่เพศเดียวกันนั้นเป็นสื่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ในประเทศที่มีการพัฒนา

“[มีสิ่งที่]ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้สำหรับความเห็นของคนส่ววนมากในระดับชาติในเรื่องการแต่งงานของคู่เกย์ ผมคิดว่า การที่ประเทศมีการพัฒนา และผมคิดว่า ความพยายามต่อไปควรจะเป็นการจัดการกับสิ่งที่เรียกว่า DOMA” ไบเดน กล่าว

สำหรับผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับประเด็นที่เกี่ยวกับสิทธิที่เท่าเทียมกันของกลุ่ม LGBT เรียกพระราชบัญญํติต่อต้านการแต่งงาน (DOMA) ต่อต้านรัฐบาลอเมริกันจากการแต่งงานของคู่เพศเดียวกัน (หรือประเภทอื่นๆของกลุ่มมเพศเดียวกัน) รัฐบาลกลางซึ่งเป็นไปตามบทบัญญัติของ DOMA ไม่แม้แต่อนุญาตที่จะให้การแต่งงานของคู่เพศเดียวกันถูกต้องตามกฎหมายและเป็นไปตามกฎหมายของรัฐ สำหรับวัตถุประสงค์ในเรื่องการเข้าเมือง DOMAเป็นงานที่สำคัญในการออกกฎหมายที่บังคับให้รัฐบาลอเมริกันเข้มงวดกับผลประโยชน์เรื่องการเข้าเมืองของครอบครัวในคู่ต่างเพศ จากผลของสถานการณ์ คู่สองสัญชาติหลายคู่นั้นต้องแยกจากอีกฝ่ายหนึ่งโดยเขตแดนและบางครั้งโดยมหาสมุทร Wikinews.orgกล่าวต่อไปว่า

ไบเดนให้ความเห็นหลังจากประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา บารัค  โอบามาลงนามในกฎหมาย ยกเลิกการห้ามถามห้ามบอก  (DADT) การยกเลิกนี้โอบามาลงนามเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา จะอนุญาตเกย์และเลสเบี้ยนสามารถที่จะรับใช้ชาติในทางทหารได้โดยปราศจากความกลัวว่า จะถูกปลดออกจากททหาร รายงานโดยเพนตากอนในช่วงต้นเดือนนี้สรุปได้ว่า โดยส่วนตัวแล้วการรับใช้ชาติไม่เชื่อว่า มีการปฏิรูปกฎที่เกี่ยวกับเกย์และเลสเบี้ยนมีผลกระทบต่อกำลังใจ การทำงานร่วมกันหรือประสิทธิภาพทางทหาร รายงานพบว่า เพียง 30% เชื่อว่า การเปลี่ยนแปลงกฎหมายอาจจะส่งผลในทางลบ DADT   ความพยายามกว่า 17ปี นั้นถูกยกเลิกโดยวุฒิสภาสหรปี นั้นถูกยกเลิกโดยวุฒิสภาสหรัฐในวันเสาร์ กองทัพจะหยุดบังคับนโยบายใน 60 วันหลังจากที่เพนตากอนได้รับการอนุมัติจากคองเกรสว่า การทหารพร้อมที่จะบังคับตามกฎหมายใหม่ [sic]

การยกเลิกการห้ามถามห้ามบอกเป็นก้าวที่สำคัญสำหรับเกย์ เลสเบี้ยน ไบเซ็กชวลและผู้ที่แปลงเพศ(LGBT) แต่ความเสมอภาคที่แท้จริง ภายใต้กฎหมายจะกลายเป็นจริงได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ DOMA สามารถที่จะขจัดข้อสงสัยของสิทธิประโยชน์ครอบครัวสำหรับคู่ LGBT ผู้ร่างกฎหมายบางท่านมีความพยายามที่จะร่างกฎหมายเพื่อที่จะจัดการกับความแตกต่างของคู่สองสัญชาติที่เป็นเพศเดียวกันเพื่อวัตถุประสงค์ในการเข้าเมือง เมื่อหลายๆปีมานี้ การร่างกฎหมายเช่น  พระราชบัญญัติการรวมครอบครัวอเมริกันนั้นได้อนุญาตให้คู่ถาวรของชาวอเมริกันหรืออผู้ที่อยู่อาศัยอย่างถาวรถูกต้องตามกฎหมายเพื่อที่จะได้รับสิทธิประโยชน์เหมือนกับที่คู่ต่างเพศของชาวอเมริกันและผู้ที่อยู่อาศัยอย่างถาวรได้รับ สำหรับเว็บเพจที่น่าสนใจในประเด็นนี้สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ logcabin.org ซึ่งเป็นเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของรีพับลิกกัน Log Cabin Republicans อ้างโดยตรงจากเว็บไซต์

พระราชบัญญัติการรวมครอบครัวอเมริกัน (UAFA) ซึ่งงอยู่ในสภาคองเกรส อาจจะเป็นจุดจบของความแตกต่างของเกย์และเลสเบี้ยนในกฎหมายคนเข้าเมืองโดยอนุญาตให้พลเมืองอเมริกันและผู้มีถิ่นฐานถาวรสนับสนุนคู่เพศเดียวกันเพื่อสิทธิประโยชน์ในการเข้าเมือง พระราชบัญญัติฉบับนี้ถูกเสนอในสภาเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่แล้ว (H.R.1024)ซึ่งมีผู้สนับสนุน 11622 คน นอกจากนี้พระราชบัญญัติการรวมครอบครัว(H.R.2709) ยังประกอบด้วย UAFAในฐานะที่เป็นบทบัญญัติของพระราชบัญญัติคนเข้าเมืองที่ใหญ่กว่า คนในขณะที่วุฒิสภามีผู้สนับสนุน

ในขณะที่กลุ่มที่คัดค้านการเข้าเมืองเกรงว่า UAFA อาจจะเป็นเหมือนการเปิดประตูระบายน้ำของคนเข้าเมืองจำนวนมากเช่นความกลัวที่ไม่อาจพบเจอได้ มันอาจจะเป็นการได้รับถิ่นที่อยู่เพียงคนต่างชาติที่มีความเกี่ยวข้องกันทางหุ้นส่วนการเงินกับพลเมืองอเมริกัน คนจำนวนมากอาจอยู่ในสหรัฐอเมริกาเป็นเวลานานหลายปีโดยใช้วีซ่าทำงานหรือวีซ่านักเรียนและสร้างกลุ่มสังคมอเมริกัน ในหลายๆเหตุการณ์ ผู้เขียนได้ตรวจสอบเพื่อความแน่ใจว่า กลุ่นคนที่มีความเบี่ยงเบนทางเพศสามารถยื่นขอถิ่นที่อยู่ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ที่น่าอับอายนี้ซึ่งจะเกิดขึ้นเหมือนกันในคู่เกย์และเลสเบี้ยน มาตรการนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเป็นทางสำหรับอิสรภาพของการเข้าเมือง

อาจจะดูเหมือนเป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาว่า แนวทางของUAFA เป็นเหมือนงานร่างกฎหมายที่จะส่งผลให้เกิดการปลอมแปลงคำขอวีซ่าของผู้ที่หวังจะได้รับผลประโยชน์ที่เกิดขึ้น เพื่อที่จะเป็นการค้นหาสิทธิประโยชน์เกี่ยวกับคนเข้าเมืองในขณะที่ความสัมพันธ์เป็นไปอย่างน่าละอาย ตามความเห็นของผู้เขียนแนวทางของUAFAเหมือนการร่างกฎหมายที่จะส่งผลให้มีการฉ้อฉลเรื่องการเข้าเมืองเพิ่มมากขึ้นในขณะที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกามีระบบที่มีประสิทธิภาพมากในการที่จะปราบปรามการฉ้อฉลที่หลากหลายของระบบการเข้าเมืองและกระบวนการที่หลากหลายของภาพรวมของการดำเนินการเรื่องคนเข้าเมืองของอเมริกา

หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ฐานะรองประธานาธิบดี ไบเดนกล่าวไว้ข้างบนว่า ความเห็นของคนส่วนมากที่เป็นไปในเชิงบวกในประเด็นที่สามารถที่จะส่งผลให้สิ้นสุดการรวมตัวกันของครอบครัวสองสัญชาติในสหรัฐอเมริกา

To view this posting in English please see: same sex marriage.

more Comments: 04

4th January 2011

สำหรับผู้ที่อ่านบล็อกอยู่เป็นประจำคงไม่มีข้อสงสัยว่า ทำไมผู้เขียนจึงพยายามที่จะแจ้งตารางวันหยุดของสถานทูตสหรัฐอเมริกาและภารกิจนอกสหรัฐอเมริกาเพื่อความสะดวกแก่ผู้เดินทางที่ต้องการใช้บริการในต่างประเทศ ข้างล่างนี้เป็นวันหยุดของสถานทูตอเมริกาประจำประเทศไทยตามที่อ้างในเว็บไซต์ทางการของสถานทูตอเมริกาในกรุงเทพฯ ประเทศไทย

เดือน

วันที่

วัน

วันหยุด

มกราคม

17

จันทร์

วันพระราชสมภพกษัตริย์มาร์ติน ลูเธอร์

กุมภาพันธ์

21

จันทร์

วันประธานาธิบดี

เมษายน

6

พุธ

วันจักรี

เมษายน

13

พุธ

วันสงกรานต์

เมษายน

14

พฤหัสบดี

วันสงกรานต์

เมษายน

15

ศุกร์

วันสงกรานต์

พฤษภาคม

5

พฤหัสบดี

วันฉัตรมงคล

พฤษภาคม

17

อังคาร

วันวิสาขบูชา

พฤษภาคม

30

จันทร์

วันที่ระลึก

กรกฎาคม

4

จันทร์

วันนประกาศอิสรภาพ

สิงหาคม

12

ศุกร์

วันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ

กันยายน

5

จันทร์

วันแรงงาน

ตุลาม

10

จันทร์

วันโคลัมบัส

ตุลาคม

24

จันทร์

วันหยุดชดเชยวันปิยมหาราช

พฤศจิกายน

11

ศุกร์

วันทหารผ่านศึก

พฤศจิกายน

24

พฤหัสบดี

วันขอบคุณพระเจ้า

ธันวาคม

5

จันทร์

วันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุยเดช

ธันวาคม

12

จันทร์

วันหยุดชดเชยวันรัฐธรรมนูญ

ธันวาคม

26

จันทร์

วันหยุดชดเชยวันคริสต์มาส

ผู้ที่ประสงค์จะรับบริการของกงสุลเช่นบริการรับรองลายมือชื่อ และหรือการออกหนังสือรายงานการเกิดในต่าง

ประเทศ การทำวีซ่าอเมริกาหรือบริการอื่นๆเกี่ยวกับวีซ่าที่ต้องติดต่อกับส่วนบริการพลเมืองสัญชาติอเมริกันในท้องที่ที่ตั้งอยู่

ในแต่ละปี มีคู่ไทย-อเมริกันเลือกที่จะรับสิทธิประโยชน์เกี่ยวกับคนเข้าเมืองในลักษณะของวีซ่าประเภท K1 หรือ วีซ่าประเภท CR1 ในขณะเดียวกันบริษัทข้ามชาติหลายๆบริษัทหรือนักลงทุนที่ไม่ใช่ผู้มีถิ่นฐานถาวรที่กำลังมองหาแหล่งลงทุนและธุรรกิจโดยอาศัยวีซ่าประเภทL-1สำหรับการรับโอนบริษัทภายใน วีซ่าประเภทE-2สำหรับนักลงทุนที่เดินทางไปยังสหรัฐอเมริกา หรือวีซ่าประเภท EB-5สำหรับผู้ที่ลงทุนในสหรัฐอเมริกาอย่างน้อย 500,000 ดอลลาห์สหรัฐในธุรกิจในสหรัฐอเมริกา ในหลายๆกรณีผู้สมัครชาวไทยที่ยื่นขอวีซ่าดังกล่าวต้องดำเนินการตามขั้นตอนของการขอวีซ่ากับหน่วยวีซ่าหรือหน่วยการเดินทางธุรกิจของสถานทูตอเมริกาในกรุงเทพฯ ประเทศไทย

ผู้ที่ถือสัญชาติไทยที่กำลังมองหาวีซ่าผู้ที่ไม่มีถิ่นฐานถาวรเช่น วีซ่าประเภท J-1(วีซ่าประเภทแลกเปลี่ยนผู้เยี่ยมเยียน) วีซ่าประเภท F-1 (วีซ่านักเรียน) วีซ่าประเภท B-2(วีซ่าท่องเที่ยว) ต้องดำเนินการยื่นคำขอผ่านทางหน่วยบริการวีซ่าประเภทผู้ที่ไม่มีถิ่นฐานถาวรในกรุงเทพฯถ้าผู้สมัครชาวไทยอาศัยอยู่ในเขตอำนาจของกงสุลของสถานทูตอเมริกาในกรุงเทพฯซึ่งตรงข้ามกับเขตอำนาจของกงสุลที่เชียงใหม่ ประเทศไทย

To view this information in English please see: US Embassy.

more Comments: 04

29th December 2010

เมื่อเร็วๆนี้สิ่งที่สร้างความน่าสนใจให้บล็อกนี้คือ สมาคมทนายความคนเข้าเมืองอเมริกันนั้นได้สร้างเว็บไซต์ที่จะต่อต้านการกระทำที่ไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายคนเข้าเมืองอเมริกัน ข้อความนี้อ้างโดยตรงจากเว็บไซต์ใหม่นี้

เฉพาะทนายความที่ได้รับอนุญาตหรือตัวแทนที่มีอำนาจเท่านั้นที่มีอำนาจและมีคุณสมบัติที่จะช่วยเหลือคุณในการจัดการเกี่ยวกับการเข้าเมืองและเรื่องกรีนการ์ด แตกต่างจากที่ปรึกษา ทนายความอเมริกันนั้นได้รับการอบรมและการฝึกฝนก่อนที่จะได้รับใบอนุญาตเพื่อมาเป็นตัวแทนของลูกความ คุณสามารถตรวจสอบสถานะใบอนุญาตของทนายความโดยการติดต่อเนติบัณฑิตแห่งรัฐหรือศาลสูงสุดของรัฐ  คุณสามารถตรวจสอบว่าทนายความคนเข้าเมืองอเมริกันนั้นถูกถอดถอนจากการผิดมรรยาทก่อนที่จะถึงศาลคนเข้าเมือง คณะกรรมการอุทธรณ์การเข้าเมือง หรือหน่วยบริการคนเข้าเมมือง (USCIS)

สำหรับผู้ที่ไม่ได้ตระหนักถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาและต่างประเทศ มีผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของบุคคลที่ไม่ต้องสงสัยที่อ้างว่ามีประสบการณ์ในเรื่องการเข้าเมืองอเมริกัน ในรัฐนิวยอร์ก อัยการครูโม ผูว่าการรัฐที่ได้รับการเลือกตั้งสร้างมาตรการเพื่อช่วยจัดการกับปัญหา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำนักงานอัยการนั้นกำลังไล่ล่าบริษัทที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมในเรื่องคนเข้าเมืองและการกระทำที่ไม่ได้รับ

อนุญาตตามมกฎหมาย อ้างโดยตรงจากหน้าของเว็บไซต์สำนักงานอัยการในนิวยอร์ก

อัยการเริ่มต้นการสอบสวนและเรียกตัวบริษัทเหล่านี้หลังจากได้รับข้อมูลว่าบริษัทเหล่านั้นเกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงและกระทำการอันผิดกฎหมาย พฤติกรรมที่ผิดกฎหมายประกอบด้วยการเป็นตัวแทนที่ไม่ได้รับอนุญาตในการส่งเอกสารในฐานะที่เป็นคนเข้าเมืองและให้คำแนะนำแก่ผู้ที่เข้าเมือง นอกจานี้บางบริษัทยังเกี่ยวข้องกับทนายความที่ให้ความช่วยเหลืออื่นๆในการกระทำท่ำม่ชอบด้วยกฎหมายและให้ยืมชื่อแก่ธุรกิจ โดยภาพรวมแล้วบริษัทเหล่านี้ฉ้อโกงผู้อพยพแล้วกว่าร้อยคน

ในบล็อกก่อนหน้านี้มีการเขียนถึงผู้ชายในสหรัฐอเมริกาโดนถอนสัญชาติอเมริกันและได้รับการกล่าวหาในข้อหาฉ้อฉลสถานะการแต่งงานหลังจากที่มีการสอบสวนโดยหน่วยบริการการบังคับทางศุลกากร (USICE) เป็นที่เข้าใจอย่างชัดแจ้งว่า เจ้าหน้าที่ของสหรัฐอเมริกาและรัฐบาลกลางนั้นให้ความสำคัญกับการบังคับกฎหมายคนเข้าเมืองอเมริกัน หวังเป็นอย่างยิ่งว่า เว็บไซต์ใหม่นี้จะเป็นการรวบรวมความพยายามในการบังคับใช้กฎหมายขององค์กรต่างๆซึ่งจะส่งผลให้ลดการกระทำความผิดต่อรัฐบาลอเมริกัน กลุ่มคนเข้าเมืองอเมริกัน และส่วนรวม

more Comments: 04

The hiring of a lawyer is an important decision that should not be based solely on advertisement. Before you decide, ask us to send you free written information about our qualifications and experience. The information presented on this site should not be construed to be formal legal advice nor the formation of a lawyer/client relationship.